อดีตข้าราชการบำนาญร้องผบ.ตร.ถูกเพื่อนสนิทหลอกยืมเงินสูญกว่า 3.6 ล้านบาท ผ่านมา 6 เดือนคดีไม่คืบ จี้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน ยอมรับเครียดป่วยซึมเศร้าเงินหมดบัญชี
นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้พาผู้เสียหายที่เป็นอดีตข้าราชการบำนาญอายุ 68 ปี พร้อมลูกสาว พร้อมนำหลักฐานสลิปการโอนเงินข้อความการแชทไลน์และเลขบัญชีธนาคารพร้อมระบุชื่อเจ้าของบัญชีเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังถูกอดีตเพื่อนข้าราชการที่รู้จักกันมานานกว่า 30 ปี หลอกยืมเงินและให้โอนเงินรวม 112 ครั้งกว่า 3.6 ล้านบาท ตั้งแต่ 7 เมษายน 2564
ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงไว้ที่ สภ.เมืองจังหวัดพระนครอยุธยาแต่ผ่านมานานกว่า 6 เดือน แต่คดีไม่คืบหน้าจึงเรียกร้องอยากให้มีการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.ดนู กล่ำสุ่ม รองผู้บังคับการกองกฎหมาย เวรอำนวยการเป็นคนรับเรื่อง
อดีตข้าราชการบำนาญผู้เสียหาย อายุ 68 ปี เล่าว่ารู้จักกับเพื่อนร่วมงานมา 30 ปี จึงให้ยืมเงินเพราะเห็นว่าที่บ้านมีฐานะและก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยยืมเงินมาก่อนจึงเชื่อว่ามีความจำเป็นและเดือดร้อนจริงๆ จึงให้ยืมเงินครั้งแรก 21,000บาท ครั้งแรกเมื่อ 7 เม.ย.64 ต่อมาก็มีเงินขอยืมเงิน 7-8 ครั้งรวมกว่าแสนบาท ก่อนที่จะนำบุคคลที่สามที่อ้างว่าต้องการความช่วยเหลือเพื่อยืมเงินไปวิ่งเต้นคดีมรดกกว่า 29 ล้านบาท
โดยอ้างว่าใช้เวลาไม่นานก็จะได้เงินคืนและโดนให้ตนเองคิดดอกเบี้ยและจ่ายเงินให้ภายหลังพร้อมกับอ้างว่าเพื่อนสนิทคนดังกล่าวก็ให้ยืมบุคคลที่สามยืมไปมากกว่าตนเองถึง 5-6 ล้านบาท ทำให้ตนเองรู้สึกมั่นใจจึงยินยอมให้ยืมเงินตลอดมารวมกว่า 3.6ล้าน โดยมีการโอนเงินผ่านบัญชี 3 บัญชี
ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีกังวลและเอะใจกังวลเพราะเป็นเงินจำนวนมากจึงได้มีการทวงถามแต่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาก็ใช้กลอุบายหลอกล่อและประวิงเวลาด้วยการให้ไปพบที่ศาลและธนาคารว่าคดีมรดกเสร็จสิ้นแล้วให้ไปรับเงิน แต่เมื่อถึงเวลากลับบายเบี่ยงว่าเอกสารยังไม่พร้อมให้เลื่อนไปก่อน
จนกระทั่งลูกสาวได้ตรวจสอบพบว่าไม่มีเลขคดีมรดกตามที่มีการฟ้องคดีมรดกจึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอก ก่อนที่จะไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อไปทวงถามที่บ้านฝ่ายสามีของเพื่อนที่เป็นอดีตตำรวจก็พยายามพูดจาข่มขู่และอ้างว่าไม่มีสัญญายืมเงินเป็นลายลักษณ์อักษรและขู่จะดำเนินฐานหมิ่นประมาทด้วยหากไม่หยุด
พร้อมยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ถูกคนสนิทมาหลอกและต้องสูญเสียเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตจนเงินบัญชีหมด อีกทั้งก็สุขภาพไม่ดีและป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องกินยาตลอดและอยากฝากถึงคนที่มาหลอกยืมเงินไปให้เอาเงินมาคืน
ด้าน ทนายความ กล่าวว่าหลังมีการแจ้งความพนักงานสอบสวนไม่มีการเชิญผู้เสียหายหรือผู้เกี่ยวข้องทางคดีไปสอบปากคำแต่อย่างใด ซึ่งเห็นว่าคดีผ่านมาแล้วกว่า 6 เดือนไม่มีความคืบหน้าเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ถูกกล่าวหารายนี้มีประวัติคดีฉ้อโกงหลายคดีในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ขณะที่ พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าหลังจากทราบเรื่องได้มีการนัดหมายผู้เสียหายเข้าไปพบตัวเองในวันจันทร์ที่27 มิ.ย.นี้เวลา 09.00น. เพื่อสอบถามรายละเอียดรวมถึงเชิญพนักงานสอบสวนคดีมาให้ข้อมูล ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews