“อัจฉริยะ ” จี้ ผบ.ตร.ย้ายและตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรงผู้การนราธิวาส ออกใบเบ่งให้แก๊งค้ายาและอาวุธสงคราม – ผบ.ตร.ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือพร้อมเอกสารหลักฐานถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมี พ.ต.อ.ปรีชา เจียห์สกุล รองผบก.ทพ. เป็นผู้รับมอบเพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและโยกย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส มาปฏิบัติหน้าที่ ศปก.ตร.ไว้ก่อน เนื่องจากมีพยานหลักฐานอ้างว่า นายตำรวจคนดังกล่าวมีส่วนในการให้การสนับสนุนขบวนการค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามในพื้นที่นราธิวาสและสุไหงโกลก
โดยออกบัตรเบ่งหรือบัตรรับรองให้ขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยผิดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (ฉบับที่2) ข้อ12 (1,2,3) และขอให้สืบสวนสอบสวนการที่ขบวนการค้ายาเสพติดถือบัตรผู้การจังหวัดสั่งคนยิงส.ต.ต.ธนกฤต ฤกษ์ดี ผบ.หมู่นปพ.สภ.สุไหงโกลก เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมแล้วถูก ผบก.นราธิวาส ให้การช่วยเหลือเป่าคดีจนตายฟรี และเรียกรับสินบนจากขบวนการค้ายาเสพติด
อีกทั้งคดีที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าไปช่วยเหลือนักธุรกิจหญิงชาวมาเลเซีย ที่ถูกขบวนการค้ายาเสพติดอุ้มหญิงนักธุรกิจจากมาเลเซียผ่านนราธิวาสไปจังหวัดหนองคายข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ก็ปรากฏว่ามีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการเช่นกัน
นายอัจฉริยะ อ้างว่ามีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ผบก.จังหวัดนราธิวาส มีความสนิทสนมและเอื้อประโยชน์ให้ขบวนการค้ายาเสพติด โดยเฉพาะการออกใบรับรองหรือบัตรเบ่งให้กับแก๊งค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามเพื่อจะได้ไม่ถูกตรวจสอบและผ่านด่านเจ้าหน้าที่ได้ โดยมีแผนผังของขบวนการค้ายาเสพติดและอาวุธสงครามใช้บัตรดังกล่าวที่ถูกยึดได้เมื่อตอนถูกจับกุมเมื่อเดือน มิ.ย.65
ซึ่งผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี 8 คดี เป็นอาวุธ 6 คดีและคดียาเสพติด 2 คดี และทำมาตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งบัตรเบ่งดังกล่าวพบว่ามีผู้บังคับการคนดังกล่าวทำมาตั้งแต่สมัยเป็น รองผบก.จังหวัดฯแล้ว ยืนยันว่าบัตรดังกล่าวเป็นของจริง ไม่ใช่บัตรปลอมที่ถูกแอบอ้าง เพราะตอนจับกุมผู้ต้องหาผู้บังคับการจังหวัดนราธิวาสก็เห็นบัตร ที่มีรายละเอียดทั้งเบอร์โทรศัพท์และรายละเอียด แต่กลับไม่สอบสวนในประเด็นนี้
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตำรวจภูธรภาค 9 ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่เนื่องจากเป็นการตรวจสอบตำรวจในพื้นที่ด้วยกันเอง จึงเกรงว่าจะไม่ได้ข้อเท็จจริงและมีการข่มขู่พยานว่าจะสั่งย้ายไปในพื้นที่สีแดง
จึงอยากให้ทาง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ นำเรื่องมาตรวจสอบที่สวนกลาง หากตรวจสอบแล้วผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาสไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะเป็นเครื่องยืนยันว่า เป็นผู้บริสุทธิ์และตนเองก็พร้อมขอโทษ
ทางด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่าหากมีการมาร้องเรียนก็จะมอบหมายให้ จเรตำรวจแห่งชาติดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เพราะผู้บังคับการที่ถูกพาดพิงก็เป็นนานตำรวจระดับสูง การจะกล่าวหาอะไรก็ต้องมีความชัดเจน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews