Home
|
อาชญากรรม

ตม.เสนอปิดมูลนิธิ 3 แห่ง เอื้อทุนจีน

Featured Image
โฆษก ตร. เผย ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเตรียมเสนอปิดมูลนิธิ 3 แห่ง หลังพบ เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนชาวจีน เครือข่ายธุรกิจสีเทา

 

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการดำเนินคดีที่มีเครือข่ายบุคคลต่างชาติลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย และมีการตรวจสอบจัดระเบียบบุคคลต่างชาติ โดยไม่ให้เข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 3,395 คน ดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมือง 2,005 คน และดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฎหมายกำหนดอีก 1,073 คน, ดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติจำนวน 207 คน ที่พบว่าทำความผิดกฎหมายอาญาอื่นๆ เช่น การทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น

 

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังเข้าตรวจสอบมูลนิธิฯ กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ และตรวจสอบบุคคลต่างชาติจำนวนกว่า 1,800 คน โดยเสนอเรื่องให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ปิดมูลนิธิฯ จำนวน 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เนื่องจากพบว่า มูลนิธิเหล่านี้จัดตั้งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการทำจิตอาสาและการศึกษา แต่มีบุคคลต่างชาติ เช่น คนจีน ใช้ช่องว่างทางกฎหมายขอหนังสือเดินทางนักศึกษา เข้ามาในนามของมูลนิธิ แต่ไม่ได้มีการเข้ามาเรียนจริง จึงเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการจังหวัดนั้นๆ ปิดมูลนิธิดังกล่าวแล้ว

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า 3 มูลนิธิฯ ที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เสนอสั่งปิดนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนธุรกิจสถานบันเทิงในพัทยาจังหวัดชลบุรี และสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งในประเด็นนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชิญนายตำรวจ สังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 4 พื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่, อุดรธานี, แพร่และน่าน มาให้ข้อมูลกับคณะทำงานฯ เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงเอกสารให้นายทุนจีน ที่ทำเรื่องขอเข้ามาเรียนหนังสือในประเทศ

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube