ชูวิทย์ จี้ นายกฯ ปลด ผบช.น. ทำคดีจินหลิงบกพร่องไร้การวางแผน ชี้ พร้อมนำหลักฐานทรัพย์สินตู้ห่าว กว่า 800 ล้านให้ ปปส.ยึดเพิ่ม
วันนี้ (29 ธ.ค. 65 ) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย นำหลักฐานวีดีโอการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.1 และคลิปที่นายตู้ห่าว ข่มขู่ผู้รับเหมา 7 ราย มูลค่า 700-800 ล้านบาท ในการก่อสร้างศูนย์ผ้าไหม ศูนย์ยางพารา อพาร์ทเม้น และศูนย์ไข่มุก รวม 4 แห่งมามอบให้ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ปปส. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของ นายตู้ห่าว ซึ่งระหว่างการสัมภาษณ์นายชูวิทย์ได้เปิดคลิปหลักฐานที่นายตู้ห่าว ข่มขู่ผู้รับเหมา และคลิปที่ทรมานคนจีนด้วยกันเพื่อรีดทรัพย์ให้สื่อมวลชนดูด้วย
นายชูวิทย์ กล่าวว่า การแถลงข่าวชี้แจงคดีจินหลิงของ ผบช.น.เมื่อวานนี้เป็นการไม่พูดความจริงเป็นการพยายามโยนความผิดให้ ปปส.และหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะการอ้างว่าเข้าไปตรวจรถยนต์หรูของกลางคดีจินหลิงไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจ และรหัสเข้า ประกอบกับอ้างว่ามีคำสั่ง ปปส.ยึดทรัพย์ดังกล่าวไว้ชั่วคราว
โดยมองว่าในวันที่เข้าไปตรวจค้นผับจินหลิงของตำรวจ เจ้าของรถก็อยู่ที่ร้านแต่กลับไม่ทำให้ครบถ้วน แต่กลับมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาไป ไม่ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่ตอนแรกอีกทั้งการเก็บหลักฐานอุปกรณ์ยาเสพติดในที่เกิดเหตุก็ไม่เก็บหมด แต่เลือกเก็บหลักฐานบางชิ้นไปตรวจ
ส่วนการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ คนที่มานั่งแถลงข่าว กลับไม่ใช่คนที่ดูแลสำนวนคดีจินหลิง ทั้งๆที่คนที่ควรมานั่งแถลงข่าวต้อง พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ และพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น ซึ่งรับผิดชอบคดีโดยตรง โดยในอดีตพบว่า พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ เคยทำคดีทัวร์ศูนย์เหรียญที่ยกฟ้องไปแล้ว อีกทั้ง พล.ต.ท.ธิติ อดีตที่ดำรงค์ตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เคยถูกคำสั่ง คสช. ม.44 ย้ายออกจากพื้นที่ในคดีปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์
ถึงแม้ว่าจะไม่พบความผิดก็ตาม แต่กลับถูกแต่ตั้งให้เป็น ผบช.น.ได้อย่างไร นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่าคดีนี้แทนที่ตำรวจจะวิ่งหาพยานหลักฐาน แต่กลับกลายเป็นว่าตนเองต้องนำหลักฐานมามอบให้ และหลักฐานที่ตนเองมอบให้ตำรวจก็ไม่สนใจดำเนินการใดๆหลังได้สอบถามอัยการจนทราบว่าไม่มีหลักฐานในสำนวน เพราะ ไม่ถูกนำเข้าไปพิจารณาในการทำคดี
จึงเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่ง ให้ ผบ.ตร.ย้าย ผบช.น.ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมองว่าไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะดำรงค์ตำแหน่งนี้
ด้าน นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ปปส. กล่าวว่า หลังจากนี้ทาง ปปส.จะนำเอกสาร หลักฐานตรวจทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ที่นายชูวิทย์มอบให้ไปตรวจสอบเพื่อทำการยึดอายัดทรัพย์สินตามขั้นตอน พร้อมยืนยันว่าหลักฐานที่นายชูวิทย์นำมามอบให้วันนี้ ยังไม่มีข้อมูลจากหน่วยงานอื่นโดยเฉพาะตำรวจ
พร้อมยืนยันว่า ในส่วนของทรัพย์สินคดีจินหลิงที่ทำการยึดไว้ตรวจสอบนั้น ยืนยันว่า พนักงานสอบสวนมีอำนาจ และสามารถเข้าไปตรวจสอบและเก็บหลักฐานได้ทุกเวลา เพียงแค่ประสานทางปปส.เข้ามาเท่านั้น โดยเน้นย้ำว่า ตามระเบียบของ ปปส.ไม่ได้ห้ามให้พนักงานสอบสวนเข้าตรวจหลักฐาน แต่การที่ตำรวจไม่เข้าตรวจสอบตั้งแต่แรก โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งปปส.นั้น”ความจริงย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews