รวบ พนักงานเขตราชเทวี เรียกรับเงิน 3.2 ล้าน แลกกับการไม่ต้องชำระภาษีโรงเรือนกว่า 40 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ร่วมกันจับกุม นายประมวลฯ อายุ 57 ปี ดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” มาตรา 157 โดยจับกุมได้ บริเวณลานจอดรถ โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้ บริษัทฯ เข้าไปชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามแบบ (ภ.ร.ด.2) และผู้เสียหายได้มอบหมายให้ ตัวแทนซึ่งเป็นพนักงานของ บริษัทฯ เข้าไปติดต่อและต่อมาตัวแทนของผู้เสียหายได้กลับมาแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่า จนท.สนง.เขตราชเทวี ได้บอกว่า บริษัทฯ จะต้องชำระค่าภาษีประมาณ 40 กว่าล้านบาท แต่หากนำเอาเงินมาให้ จนท.สนง.เขตราชเทวี รายดังกล่าว จำนวน 3 ล้านบาท จะเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ ทำให้ บริษัทฯ ไม่ต้องชำระเงินจำนวน 40 กว่าล้านบาท”
จากนั้นบริษัทฯ ได้ให้ตัวแทนติดต่อแจ้งว่ายอดภาษีที่แจ้งมานั้นมีจำนวนสูงเกินจริงซึ่ง จนท.สนง.เขต ได้ตอบว่าเงินที่เคยเสนอไปจำนวน 3 ล้านบาท ขอเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 3.5 ล้านบาท เพราะต้องเอาไปแบ่งกรรมการอีกหลายท่าน ต่อมาผู้ร้องเรียนแจ้งว่าจะนำพนักงานบัญชีของบริษัทฯไปขอทราบรายละเอียด ก็ได้คำตอบว่าสามารถลดราคาลงได้เหลือ 3.2 ล้านบาท บาท ผู้ร้องเรียนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของ จนท.สนง.เขตราชเทวี เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงมาร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบ จากนั้น เจ้าหน้าที่ ได้นัดแนะวางแผน ให้ผู้เสียหาย เจรจาต่อรองกัน สรุปได้ว่าผู้เสียหายต้องจ่ายเงินทั้งสิ้นเป็นเงินจำนวน 3.2 ล้านบาท
พร้อมทั้งนัดหมายส่งมอบเงินให้กับ จนท.สนง.เขตฯ ในวันที่ 4 เม.ย.66 เวลา 14.00 น.
เมื่อ ผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินแล้ว จนท.สนง.เขตฯ กำลังเดินทางกลับเมื่อถึงบริเวณลานจอดรถโรงแรมฯ เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ขณะทำการตรวจค้น พบว่ามีเงินสดจำนวน 3.2 ล้านบาท อยู่ภายในถุงกระดาษสีขาว ที่จนท.สนง.เขตฯ ถือติดตัวมาด้วย เจ้าหน้าที่ฯจึงทำการตรวจสอบเงินสดต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่าหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ นำส่ง พงส.กก.1 จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดในข้อกล่าวหา โดยให้การว่าสิ่งของที่รับมาจากผู้เสียหายนั้นตนคิดว่าเป็นเอกสารแต่รับว่ารับสิ่งของดังกล่าวมาจากผู้เสียหายจริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews