“ชัชชาติ” เตรียมคุย “อนันดา” แก้ทางเข้า-ออก “แอชตัน อโศก” ตามกรอบ 30 วัน ยัน! ไม่เอื้อประโยชน์ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
วันนี้(3 ก.ค. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ และนายสุรัช ติระกุล ผอ.สํานักงานควบคุมอาคาร ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงแนวทางการดำเนินการกับแอชตันคอนโด กรณีศาลมีคําสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง
นายวิศณุ กล่าวว่า โครงการแอชตัน แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ เรื่องการยื่นแจ้งเพื่อขอการก่อสร้าง โดยบริษัทอนันดาเจ้าของโครงการแอชตัน ยื่นครั้งแรกเมื่อปี 58 ซึ่ง กทม. ก็มีหนังสือทักท้วงไป และมีการยื่นต่อมาอีกรวม 3 ครั้ง ซึ่ง กทม. ก็มีหนังสือทักท้วงไปตลอด จนกระทั่งมีการฟ้องเป็นคดีกันในปี 58 และหลังก่อสร้างเสร็จก็จะต้องมีการยื่นขอเปิดอาคาร ซึ่งทางบริษัทฯก็ได้ทําการยื่นขอมาในเมื่อปี 60 ซึ่ง กทม. ก็ทักท้วงไปเนื่องจากยังมีคดีเรื่องทางเข้าออกที่ไม่ได้ตามที่กฎหมายกําหนดอยู่ โดยแอชตันก็ได้ยื่นอุทธรณ์ไปที่กรรมการควบคุมอาคาร จนกรรมการอุทธรณ์ พิจารณาเห็นว่า กทม. ควรออกใบอนุญาตให้ ซึ่งทางสํานักการโยธา จึงออกใบอนุญาตให้แบบมีเงื่อนไข
โดยระบุว่า “เรื่องที่ดินที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ที่มีผู้ฟ้องคดีกรณีโครงการใช้ที่ดินของ รฟม. ผ่านเข้า-ออก นั้น หากศาลมีคําพิพากษาสิ้นสุดแล้ว ผลพิจารณาทําให้อาคารดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย ผู้ได้ใบรับรองจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อตนเองและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งต้องดําเนินการแก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารต่อไป”
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 41 ระบุชัดถึงเจตนารมณ์ว่า สามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยให้ระยะเวลา 30 วัน ซึ่งทาง กทม. จะต้องเชิญทางบริษัทอนันดา เจ้าของโครงการแอชตันและผู้เกี่ยวข้องมาร่วมหารือว่าสามารถปรับปรุงและแก้ไข้ตามที่กฎหมายกําหนดได้หรือไม่ หากไม่ได้ทาง กทม. อาจจะขยายระยะเวลาให้ได้ตามเหตุอันสมควร และขอยืนยันว่า กทม. ไม่ได้เอื้อประโยชน์แก้ผู้ใดทั้งสิ้น แต่คําพิพากษาของศาลตัดสินให้เพิกถอนใบอนุญาต ไม่ใช่การรื้อถอน ดั้งนั้น กทม. จึงต้องให้โอกาสในการยื่นขอใบอนุญาตใหม่ เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
ส่วนลูกบ้านก็ยังสามรถใช้ทางเข้า-ออกของคอนโด ได้ตามปกติ เพราะตัวอาคารไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ รถดับเพลิงก็ยังสามารถเข้าไประงับเหตุผ่านทางเข้า-ออกปัจจุบันได้ จึงไม่จําเป็นจะต้องสั่งปิดอาคาร
ทั้งนี้นายชัชชาติ ระบุด้วยว่า หลังจากนี้จะต้องนํากรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในอนาคตรอบสถานีรถไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซํ้ารอยแบบนี้ขึ้นอีก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews