“สืบพงษ์” ฟ้องกลับ 2 ผู้บริหารม.ราม-ศาลนัดไต่สวน 1 ก.ค.

สืบพงษ์ ปราบใหญ่ พร้อมชน! ฟ้องกลับ 2 ผู้บริหารม.ราม ข้อหาเบิกความเท็จ-ฟ้องเท็จ ศาลนัดไต่สวน 1 ก.ค. 67

 

 

 

วันนี้ ( 28 ก.พ.67 ) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เดินทางมายื่นฟ้อง ผู้บริหาร มหาวิทยาลัยราม รวม 2 คน เป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.609/2567 ในฐานความผิด ฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ ต่อศาล

 

 

 

นายสืบพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ มายื่นฟ้องเพื่อขอความเป็นธรรมในระบบกระบวนการยุติธรรมเนื่องจากตนเอง ถูก ผู้บริห่รของมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 คนนี้ ฟ้องคดีไว้ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ โดยกล่าวหาว่าแสดงตนเอง แสดงตนเป็นอธิบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งที่ถูกถอดถอนแล้ว ซึ่งจริงๆแล้วตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้ามาตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 และอย่างที่สื่อมวลชนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง บ้างในการถอดถอนตนเองจากตำแหน่งอธิการบดีด้วยเหตุผลหลายๆประการตามที่เคยเป็นข่าวไป

 

 

โดยมีบุคคลไปฟ้องว่าตนเองบุกรุก และใช้ลายเซ็นทั้งที่ไม่มีอำนาจในช่วงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ถึงช่วงระยะเวลาหนึ่งที่มี การคุ้มครองของศาลปกครอง คือตนเองปฏิบัติงานในฐานะอธิการบดีในงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อปี 2566 และถูกกล่าวหา ว่าไม่มีอำนาจไปดำเนินการ ซึ่งคดี ที่ตนเองถูกฟ้องนี้ศาลแขวงพระนครเหนือยกฟ้องไปแล้ว

 

 

ทั้งนี้ ตนเองยืนยันว่า ทำงานภายใต้กฎระเบียบกฎหมายกฎกติกาไม่คิดที่จะทำสิ่งไม่ดีให้กับองค์กรและบ้านเมืองแต่ไม่ทราบว่าเหตุใดกลุ่มบุคคลไปฟ้องในลักษณะฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จที่ศาลแขวงพระนครเหนือ

 

 

นายสืบพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนเองได้รับการโปรดเกล้าเป็นอธิการบดี เมื่อวันที่15 กันยายน 2564 ทำงาน 3 เดือนก็ถูกถอดถอนโดยข้ออ้างต่างๆ จากนั้นศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองวันที่ 17 มกราคม 2565 ตนเองก็ทำงานอยู่ตลอด ในช่วงนั้น ก็จะมีหนังสือร้องเรียนที่ไม่มีตัวบุคคลไม่มีตัวตนจากองค์กรนั้นองค์กรนี้ และสภามหาวิทยาลัยก็หยิบประเด็นข้อร้องเรียนต่างๆนั้นมาเป็นข้ออ้างในการที่จะตรวจสอบตนเองและให้พ้นจากตำแหน่ง

 

 

 

 

นอกจากนี้ นายสืบพงษ์ ยังกล่าวชี้แจง เรื่องวุฒิปริญญาเอก โดยยืนยันว่า จบจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคุณวุฒิใครจบจากประเทศไหนรัฐบาลประเทศนั้นๆเป็นผู้รับรอง และมหาวิทยาลัยที่ตนเองเรียนก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มีตัวตน การไปเรียนก็ขออนุญาต มีการขอวีซ่าไปเรียน สถานทูตออกวีซ่าให้ในจดหมายก็บอกชัดเจนว่าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ จนได้รับวุฒิปริญญาเอก

 

 

พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ตนเองได้รับการเลือกตั้งมาจากนักศึกษาบุคลากรสายสนับสนุนหรือสายอาจารย์ เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ก็ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติโดยสาขามหาวิทยาลัยก่อนที่จะเสนอขึ้นโปรดเกล้าซึ่งทุกอย่างก็ผ่านขั้นตอนกระบวนการทั้งหมดแล้ว แต่เหตุใดกลับถูกถอดถอน โดยมิชอบชอบ อย่างไรก็ตาม ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เวลา 9.00 น.

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews