Home
|
อาชญากรรม

“บิ๊กโจ๊ก” เผย ตามคาดตํารวจส่ง 8 ลูกน้องให้ ป.ป.ช. พิจารณา

Featured Image
“บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นไต่สวนฟ้องหมิ่นฯ “อัจฉริยะ” ปฏิเสธ ปมเงิน 10 ล้าน แลกข้อมูล บิ๊ก ตร. เผยตามคาดตํารวจนําลูกน้องส่ง ป.ป.ช. พิจารณา ลั่น!ไม่เข้าทางใครทั้งสิ้น

 

 

วันนี้ (8 ก.ค. 67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เดินทางมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อเข้าไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรกในคดีที่เป็นโจทก์ฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และสื่อหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ในข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน”

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนเองขอไม่เปิดเผยสำนวนคดี ซึ่งเป็นการใช้สิทธิดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลอาญาเมื่อตนถูกกระทบสิทธิ ส่วนกรณีที่วันนี้คณะพนักงานสอบสวนตำรวจในคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่จะนำสำนวนคดีจากพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวนนั้น

 

 

ขอชี้แจงว่าสำนวนดังกล่าวที่พนักงานสอบสวนตำรวจได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวน 8 คนของตนเองและส่งสำนวนไปยังอัยการฯ แต่ทางอัยการได้พิจารณาแล้วว่าเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นไปตามที่ตนเองเคยได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า สำนวนคดีนี้เป็นเรื่องความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ไม่ใช่อำนาจตำรวจที่จะพิจารณาสั่งฟ้อง

 

 

อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นการส่งสำนวนกลับ โดยผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 8 คนของตนไม่ได้เดินทางมาด้วย หากเป็นการสั่งฟ้องจึงจะเรียกไป

 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากสำนวนคดีเข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช. จะถือเป็นการเข้าทางให้ฟ้องกลับหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีเข้าทางใครทั้งสิ้น เพียงแต่หลักกฎหมายก็คือหลักกฎหมาย เพราะคดีนี้บิดเบี้ยวตั้งแต่กระบวนการสอบสวน เนื่องจากคดีที่เส้นเงินเกินกว่า 300 ล้านจะต้องส่งสำนวนให้ดีเอสไอ ส่วนคดีที่เป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ทั้งสิ้น แต่กลับไม่มีการส่งสำนวนคดีและพยายามดึงสำนวนไว้ทำเอง เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับ

 

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กล่าวเปรียบเทียบคดีที่อดีตผู้บังคับตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีกับพวกเรียกรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท ว่า คดีดังกล่าวคณะพนักงานสอบสวนและอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับผู้การลงไปจนถึงรองสารวัตรกว่า 20 ราย ซึ่งถือว่าเป็นการสั่งฟ้องในคดีอาญา มีผู้เสียหายชัดเจนและเป็นคดีสำคัญร้ายแรง แต่กลับไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการทั้งหมดเหมือนกับกรณีของตนเองซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองต้องออกมาต่อสู้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องสองมาตรฐาน

 

 

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุถึงสาเหตุการถอนฟ้องนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในชั้น ป.ป.ช. จะกระทบความเป็นธรรมในคดีหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เกี่ยว เป็นเรื่องที่ท่านพูดของท่านเอง ส่วนที่อ้างว่า สามารถวิ่งเต้นทางเคลียร์คดีกับ ป.ป.ช. ได้นั้นไม่ทราบเหมือนกัน เป็นเรื่องที่รับฟังมา แต่มั่นใจในทุกกระบวนการยุติธรรมจะต้องถูกต้อง

 

 

ทั้งนี้กรณีที่นายอัจฉริยะ อ้างว่ามีบุคคลเรียกรับเงิน 10 ล้านบาทจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อแฉข้อมูลของนายพลตํารวจระดับสูงนั้น ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบเพียงแค่ว่า“ไม่มี” รวมถึงกรณีที่ นายอัจฉริยะ อ้างที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ว่า มีการดีลกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้เป็นตัวกลางคุยกับนายพลตํารวจระดับสูงเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติมแลกกับการถอรฟ้องคดีหมิ่นประมาทณฝฯนั้น ทางทพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืยยันว่า ยังไม่ได้คุยอะไรทั้งสิ้นและว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube