เจ้าหน้าที่ ยัน เหตุอาคารถล่มดับแล้ว 5 ราย เร่งกู้ร่างผู้เสียชีวิตใต้อาคาร คาดใช้เวลา 1-2 วัน
นายเกริกเสกสัณห์ วาสะสิริ ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาศักยภาพ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงปฏิบัติการกู้ร่างผู้เสียชีวิตที่ติดค้างอยู่ใต้อาคารถล่ม ภายในหมู่บ้าน กฤษดานคร 31 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนเพื่อตรวจหาสัญญาณของผู้รอดชีวิต ปรากฎว่าแม้จะพบแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นแรงสั่น ที่มาจากผู้ที่ติดอยู่ในซากอาคาร
- ไฟไหม้บ้านถล่มทับกู้ภัยดับแล้ว3ติดในซากอีกนับ10
- เร่งช่วยคนติดใต้ซากบ้านถล่ม-ผู้ว่าฯอัศวินรุดตรวจ
- ผู้ว่าฯอัศวินเสียใจเหตุไฟไหม้บ้านถล่มทับกู้ภัยดับ
- อาลัย “ต้น สยามนนท์” ฮีโร่นักดับเพลิง
- คืบ!บ้านถล่มดับ4เจ็บ7เร่งเจาะใต้ซากพบสัญญาณชีพ1ราย
- ผู้ว่าฯอัศวินนำธงชาติคลุมร่างกู้ภัยฮีโร่ในกองเพลิง
- นายกฯเสียใจนักผจญเพลิงเสียชีวิตสั่งดูแลครอบครัว
- คืบ!บ้านถล่มดับ4เจ็บ7เร่งเจาะใต้ซากพบสัญญาณชีพ1ราย
ต่อมาเวลา 16.30 น. จึงใช้เครื่องวัดอุณหภูมิ เพื่อเปรียบเทียบองศาระหว่างภายนอกกับภายในอาคาร พบว่าภายในซากบ้านที่ถล่มลงมา มีอุณหภูมิสูงกว่า 100 องศา ขณะที่อุณหภูมิด้านนอกมีเพียง 36 องศา จึงเป็นไปได้ยากที่จะพบผู้รอดชีวิต ทีมค้นหาและกองอำนวยการจึงลงความเห็นว่า ผู้ที่ติดอยู่ในอาคารทั้งหมด 4 ราย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 3 ราย และผู้พักอาศัย 1 ราย ทั้งหมดเสียชีวิต จึงวางแผนในการกู้ร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด ให้เป็นไปตามหลักสากล เบื้องต้นจะใช้อุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่างรถเคน ยกซากบ้านออกมา แต่ก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะลักษณะของการพังถล่ม เป็นลักษณะของแพนเค้ก (กองเป็นชั้นๆ) เบื้องต้นคาดว่าน่าจะใช้เวลา 1-2 วัน ในการนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาครบทั้งหมด
สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตประกอบด้วย นายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี(นำร่างส่งนิติเวช รพ.สิริราช), นายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี(ร่างติดภายในอาคาร), นายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี(ร่างติดอยู่ภายใน) และนายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี(ร่างติดอยู่ภายใน) ทั้ง 4 คนเป็นเจ้าหน้าที่จากสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย ส่วนอีก 1 ราย คือนายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี ผู้พักอาศัยที่ร่างติดค้างอยู่ภายในห้องน้ำ
ตำรวจนครบาลเร่งตรวจสอบเหตุเพลิงไม้บ้านพังถล่ม ย่านทวีวัฒนา ชี้ หากพบก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาติหรือผิดแบบ จะต้องถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญขาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงเหตุการณ์ เพลิงไหม้ ภายในหมู่บ้าน กฤษฎานคร 31 แขวงทวีวัฒรา เขตทวีวัฒนา กทม เป็นเหตุให้ตึกอาคารทรุดตัวถล่ม จนทำให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่ เพื่อนำศพผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ที่ติดอยู่ภายในออกมา หลังจากเคลียร์พื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะทำการเข้าตรวจสอบ
หากพบว่า ไม่มีการขออนุญาต หรือมีการขออนุญาตแต่ก่อสร้างผิดแบบก็จะดำเนินคดีกับวิศกรผู้ที่ดำเนินการก่อสร้าง และผู้รับเหมา โดยอาจถูกแจ้งข้อกล่าวหา ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตาย ส่วนเจ้าของบ้านหากไม่มีการขออนุญาต ก็จะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
รองผบช.น.กลาาวว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ลงตรวจสอบข้อเท็จจริง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ได้ประสานให้ตำรวจอำนวยความสะดวกในการดำเนินคดี และมีการกันพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เนื่องจากเป็นพื้นที่อันตราย และเกรงว่าจะได้รับอันตราย
นายกฯ เสียใจ นักผจญเพลิงเสียชีวิต เหตุไฟไหม้หมู่บ้านกฤษดา สั่งดูแลครอบครัว ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามเหตุการเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในซอยอัญมณี 17 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ที่อาคารถล่มเสียหายทั้งหมด พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และแสดงความเสียใจต่ออาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วย โดยขอชื่นชมในความมุ่งมั่นและเสียสละทำงานเพื่อประชาชนของเจ้าหน้าน้าที่ ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และส่งกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ขอให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังสูงสุด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นกรณีพิเศษ พร้อมดูแลเยียวยาสภาพจิตใจของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยการสูญเสียเจ้าหน้าที่ระหว่างปฏับัติงาน ถือว่าเป็นการสูญเสียที่มีความสำคัญยิ่ง นอกจากนี้ ยังให้ดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี ป้องกันการสูญเสียให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สรุปบทเรียน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบทั่วกัน เพื่อสร้างความรับรู้ เป็นแนวทางป้องกันในอนาคต ตลอดจนขอให้ประชาชนระมัดระวังอัคคีภัย เพราะฤดูร้อนเป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดเพลิงไหม้สูง เนื่องจากสภาพอากาศร้อน แห้งแล้ง และลมพัดแรง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจึงลุกลามอย่างรวดเร็ว และยากต่อการควบคุมจึงขอให้ประชาชนอย่าประมาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news