“ชูวิทย์”แฉ”ไทยคู่ฟ้าคลับ”มีบิ๊ก อ.คุม
“ชูวิทย์” แฉ “ไทยคู่ฟ้าคลับ” มีบิ๊ก อ.คุม แง้มมีรูปถ่ายรถของรมต.คนดังเข้าใช้ วอน รมต.ยืดอกเผยไทม์ไลน์
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่ กรณีมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากสถานบันเทิงทองหล่อ ทำให้มีการโยงถึงมีบุคคลระดับรัฐมนตรี นักการเมือง และนักธุรกิจ หลายคนที่ติดเชื้อขณะนี้สำหรับ “คริสตัลคลับ” เปรียบเทียบเสมือน ไทยคู่ฟ้าคลับ เพราะมีคนใหญ่คนโตระดับประเทศไปเที่ยวกัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผับ บาร์และ มีโซนวีวีไอพีที่รับสำหรับแขกพิเศษ
โดยมีเจ้าของเป็นนายทหารคนดัง อักษรย่อ อ. สำหรับการไปสถานที่แบบนี้ทั้งผู้ประกอบอาชีพ และ แขกต่างๆไปได้ ไม่ได้ผิดเพราะ เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดแบบนี้เมื่อไม่ได้ระวังตัวตั้งแต่แรกก็ต้องยอมรับ และกล้าที่จะเปิดไทม์ไลน์ที่แท้จริงเพื่อให้สังคมและประชาชนเป็นเห็นตัวอย่าง ซึ่งแบบนี้จะทำให้เกิดความน่ายกย่องมากขึ้นด้วยซ้ำส่วนผู้มีตำแหน่งทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพราะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เพียงควรออกมาขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดขณะเดียวกันยังเชื่อว่าการแพร่ระบาดจากคลัสเตอร์คริสตัลคลับรอบนี้จะมีการแพร่กระจายเชื้อออกไปมากกว่ากรณีของดีเจมะตูมเพราะคัสเตอร์รอบนี้ระบาดในกลุ่มคนรวย ผู้นำประเทศที่ต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก
นายชูวิทย์ ยังระบุว่า ตนมีหลักฐานสำคัญเป็นภาพถ่ายทะเบียนรถของรัฐมนตรีที่เข้าไปจอดยังลานจอดรถวีวีไอพี ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาพร้อมเปิดคลิปบรรยากาศภายในสถานบันเทิงดังกล่าวว่าภายในมีกิจกรรมอย่างไรบ้าง โดยภายที่เห็นมีความใกล้ชิดและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดได้โดยง่ายแต่หลักฐานเหล่านี้ไม่ได้ต้องการที่จะเอาผิดแต่อย่างใด
ส่วนกรณีรัฐบาลมีมาตราการให้สถานบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ครั้งนี้ปิดเป็นระยะเวลา 14 วันนั้น มองว่าสถานบันเทิงที่เป็นลักษณะแบบนี้ไม่ใช่มีเพียงในกรุงเทพเท่านั้น แต่มีพื้นที่อื่นอีก ทั้งเชียงใหม่, ขอนแก่น, พิษณุโลกและอีกหลายที่ ซึ่งมองว่ารัฐควรมีมาตราการที่แน่วแน่มั่นคง ถึงจะควบคุมโควิด-19ได้และควรจำกัดในสิ่งที่ควรจำกัดถ้าจะป้องกันไม่ได้ ต่อให้ปิด 14 วัน กลับมาเปิดอีกก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์โควิดได้เช่นเดิม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news