ตร.ไซเบอร์ พบหนุ่มวัย 17 ปี กับคุณย่า ถูกหลอกโอนเงินเก็บทั้งชีวิต กว่า 3.4 ล้านบาท คนร้ายสุดแสบ แอบอ้างเป็นผู้เสียหายโทรไปธนาคารเพื่ออายัดบัญชีและปิดแอปฯ ก่อนตีเนียนเป็นตำรวจและ DSI เข้าช่วยเหลือแล้วหลอกโอนเงิน
พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 ได้นำกำลังตำรวจไซเบอร์ลงพื้นที่ และเข้าพบผู้เสียหายคือ นายรพีภัทร (นามสมมุติ)อายุ 17 ปี หลังได้รับแจ้งว่า มีผู้เสียหายเป็นเยาวชนชายอายุเพียง 17 ปี อาศัยอยู่กับคุณปู่และคุณย่าในพื้นที่ จ.อุดรธานี ได้ถูกกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์หลอกลวงอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DSI จนสูญเงินกว่า 3.4 ล้านบาท
จากการสอบถามข้อมูลทราบว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา นายรพีภัทร์ได้อยู่บ้านกับย่าเพียง 2 คน ได้มีสายปริศนาโทรเข้ามาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จาก DSI แล้วหลอกว่าบัญชีธนาคารของนายรพีภัทรเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีฟอกเงิน ของนายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ
โดยมิจฉาชีพที่โทรเข้ามานั้น ทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายและแจ้งว่าได้อายัดบัญชีและปิดการใช้งานแอป Mobile Banking ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบ ปรากฏว่าบัญชีธนาคารได้โดนอายัดและไม่สามารถเข้าใช้งานแอป Mobile Banking ผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง
จากนั้นมิจฉาชีพให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางไลน์แล้ววิดีโอคอลพูดคุย จากนั้นมีคนแต่งกายเป็นตำรวจทั้งชายและหญิงมาพูดคุยด้วย แล้วแจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 50,000 บาท
แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงินในบัญชี มิจฉาชีพจึงบอกให้ไปหาเงินจากบัญชีธนาคารของญาติหรือใครก็ได้ แล้วโอนไปให้ตรวจสอบผู้เสียหายและย่าของผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงนำโทรศัพท์ของย่าที่มีแอปพลิเคชันธนาคารและมียอดเงินในบัญชีจำนวน 2 บัญชี โอนเงินไปให้คนร้ายรวม 10 ครั้ง เป็นจำนวน 1,372,311 บาท
ต่อมา ผู้เสียหายได้นำโทรศัพท์ของปู่ตนเองโอนเงินให้คนร้ายอีก จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 46,163 บาท แล้วได้นำบัญชีธนาคารอีกบัญชีของย่าซึ่งไม่สามารถโอนผ่านแอปพลิเคชันได้ ไปปิดบัญชีที่ธนาคาร แล้วนำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนโอนให้มิจฉาชีพอีก 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 1,998,004 บาท รวมความเสียหายที่โอนเงินทั้งสิ้น 3,412,642 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินเก็บของปู่และย่าของผู้เสียหายที่ได้เก็บมาทั้งชีวิต โดยมิจฉาชีพที่แต่งกายเป็นตำรวจได้วิดีโอคอลตลอดเวลาเพื่อควบคุมสั่งการมิให้คลาดสายตน
นอกจากนี้ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปหมดแล้ว คนร้ายยังถามหาทรัพย์สินอื่นของผู้เสียหายอีก แล้วข่มขู่ว่าหากมีให้นำไปจำนองหรือจำนำแล้วนำเงินที่ได้โอนมาตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงพากันไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์จึงทราบว่า มิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย คือตัวนายรพีภัทร์ฯ แล้วโทรศัพท์ไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีและขอปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน Mobile Bankingบนโทรศัพท์มือถือของนายรพีภัทร์ฯ จากนั้นคนร้ายจึงแจ้งให้ นายรพีภัทร์ฯ ลองตรวจสอบ เมื่อ นายรพีภัทร์ฯ ตรวจสอบพบว่าบัญชีโดนอายัดและแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงได้หลงเชื่อ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ฯ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งฝน ให้สอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้นตั้งแต่ วันเกิดเหตุ โดยล่าสุดได้ประสาน ผกก.สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เพื่อขอรับโอนคดีมายัง กก.1 บก.สอท.3 เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้ว และจะได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews