6 วันยังมีหวัง! “ชัชชาติ” สั่งเร่งค้นหา หลังได้ยินเสียงผู้หญิงโซน B
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงความคืบหน้าภารกิจการค้นหาผู้สูญหายที่ติดอยู่ภายในซากอาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม
ว่า หลังจากเมื่อวานนี้ได้ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ในการกรุยทางและรื้อสิ่งกีดขวางตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. เพื่อปูพรมเข้าค้นหาในทุกโซน จนกระทั่งในเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงเบาๆคล้ายผู้หญิงจํานวน 2 ครั้งจากบริเวณโซน B ซึ่งเป็นจุดบันไดหนีไฟจึงได้ใช้เครื่องสแกนพบเป็นร่างมนุษย์อยู่บริเวณดังกล่าวและเมื่อใช้คลื่นโซน่าตรวจจับเสียงก็พบว่าได้ยินเสียงมนุษย์จริงๆ
จึงเริ่มเปิดปฏิบัติการค้นหาในจุดดังกล่าว ซึ่งคาดว่าต้นเสียงน่าจะอยู่ลึกลงไปจากพื้นผิวซากประมาณ 3 เมตรหรือ 10 ฟุต แต่จุดดังกล่าวมีแผ่นคอนกรีตหนาที่ซ้อนกันคล้ายแพนเค้กทับอยู่ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ค่อยๆ ใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายแผ่นปูนออกมาจํานวน 3 แผ่น นํ้าหนักรวมกว่า 60 ตัน แล้วเสร็จประมาณ 06.30 น.
โดย นายชัชชาติ ได้อธิบายลักษณะรูปภาพและโครงสร้างของอาคารให้เห็นว่า บริเวณที่เจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สูญหายนั้น เป็นแผ่นปูนที่มีลักษณะคล้ายบันไดหนีไฟและอยู่บริเวณด้านหลังของอาคารติดกับอาคารจอดรถที่ไม่พังถล่ม ซึ่งตรงกับแผนผังของอาคารที่จุดดังกล่าวเป็นบันไดหนีไฟพอดี ภายในภาพจะพบว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถเปิดโพรงขึ้นมาได้แล้วแต่ยังเห็นเศษเหล็กที่เป็นอุปสรรคอยู่จำนวนมาก
ส่วนผู้ติดค้าง 14 ร่างที่ตรวจพบนั้นขณะนี้ยังไม่สามารถนําออกมาได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะยังคงค้นหาหาทางเพื่อเข้าไปในโพรงดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงคล้ายร้องขอความช่วยเหลืออีกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จึงมีการพักใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เกรงจะส่งผลกระทบต่อผู้ติดค้างที่รอความช่วยเหลือ ก่อนจะเริ่มกลับมาใช้เครื่องจักรอีกครั้งในเวลาประมาณ 13.00 น.
ทั้งนี้ นายชัชชาติ ระบุว่า ตนยังไม่อยากให้ใช้คำว่าขณะนี้ค้นพบผู้รอดชีวิตแล้วและมองว่ายังไม่อยากให้ความหวังมากนัก แต่ตนเองและทุกๆ คนก็ยังไม่หมดหวัง เชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้มีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
ขณะที่นายอลงกต ชูแก้ว รองผู้อำนวยการทีมสุนัขค้นหาและกู้ภัย K9 สังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เปิดเผยว่า ภาพรวมการปฏิบัติภารกิจของทีมสุนัข K9 ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมาถึงขณะนี้นั้น พบว่าทีมสุนัขกู้ภัยK9 สามารถระบุพิกัดที่อาจจะพบสัญญาณชีพของผู้ติดค้างได้ที่บริเวณซากฝั่งโซน C โดยหากสุนัขสามารถระบุพิกัดตำแหน่งที่พบสัญญาณชีพได้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็นำอุปกรณ์สแกนเข้าไปตรวจสอบ จนพบว่าโพรงดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับจุดที่ ทีมกู้ภัยได้ยินเสียงต้องสงสัยจากบริเวณโซนบีได้
นอกจากนี้ สุนัข K9 ยังมีภารกิจเสริมคือ การเข้าไปเยียวยาดูแลจิตใจ ญาติผู้ที่ติดค้างอยู่ภายใต้ซากอาคารถล่มด้วยเช่นกัน โดยสุนัขกู้ภัยK9จะมีลักษณะพิเศษคือ มีความอ่อนโยน กับมนุษย์โดยเฉพาะกับเด็ก ซึ่งจากภารกิจการเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบก็พบว่าได้รับผลตอบรับที่ดี สามารถดูแลจิตใจของผู้ที่ติดค้างได้เป็นอย่างดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews