ตร. สั่งหาคนปล่อยเฟคนิวส์กล่าวหาจับคนไม่สวมแมสก์ขณะขับรถ ชี้ อนุโลมคนเดียวไม่เสี่ยงแพร่เชื้อ
พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าปัจจุบันมี 48 จังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ออกประกาศให้ประชาชนทุกคนใส่หน้ากากอนามัย ก่อนออกจากเคหสถานหากไม่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามจะถือว่ามีความผิด ส่วนการพิจารณาจับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่สวมแมสก์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบดูที่เจตนาของประชาชนเป็นหลักเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมองว่าตำรวจรังแกประชาชนหรือฉวยโอกาสเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาว่าการกระทำใดเป็นการจงใจหรือเจตนาฝ่าฝืน ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ผู้บังคับการจังหวัดตั้งทีมกฎหมายให้คำปรึกษากับเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติแล้วส่วนกรณีครอบครัวเดียวกันนั่งรถยนต์ออกจากบ้านนั้น หากคนไหนไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
ส่วนกรณีมาคนเดียวไม่สวมหน้ากากอนามัยนั้น ทางฝ่ายกฎหมายของ กทม. เห็นว่ายังไม่ชัดเจน ซึ่งทางตำรวจก็เห็นสอดคล้องเพราะไม่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ก็อาจจะพิจารณาหรืออนุโลม ซึ่งต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาโดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งประชาสัมพันธ์และแจ้งการรับรู้ให้ประชาชนหากผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ยังพบว่าฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามก็จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวด้วยว่าได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการสืบสวนหาผู้ที่ปล่อยข่าวปลอม (fake news) กรณีตำรวจ สภ.บางปะหัน ดำเนินคดีกับผู้ที่เดินในตลาดจงใจไม่สวมหน้ากากอนามัย แต่กลับพบว่ามีการบิดเบือนว่ากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่จับกุมขณะขับรถ ซึ่งไม่เป็นความจริงและสร้างความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ตำรวจ บช.น. สมัครใจช่วยงานเวรเปล รพ.ตำรวจ 30 นาย พร้อมเพิ่มสวัสดิการตำรวจอาสาเวรเปล
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี รพ.ตำรวจ ร้องขอกำลังพลจากหน่วยต่างๆ มาช่วยทำหน้าที่เวรเปล หลังมีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิด-19 จนทำให้มีกำลังไม่เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ ว่า มีกำลังพลจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จำนวน 30 คน สมัครใจมาช่วย รพ.ตำรวจ ทำหน้าที่เหมือนจิตอาสา แบ่งเบาภาระ ทราบว่าอยู่ระหว่างอบรมขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้พร้อมทำงาน ทั้งนี้มีสวัสดิการให้ตำรวจดังกล่าวในลักษณะทำงานกลุ่มเสี่ยง จะรีบพิจารณาฉีดวัคซีน จะถือว่าท่านเป็นผู้ทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ มีจิตใจเข้มแข็ง เวลาพิจารณาขั้นประจำปีต่างๆ ก็อาจจะได้สิทธิเป็นกรณีพิเศษด้วย ถือว่าท่านสมัครใจรุกรบมาช่วยงานที่มีความเสี่ยง ส่วนที่ รพ.ตำรวจ ร้องขอกำลังไปทาง บช.ก. ด้วยนั้นเห็นว่าอยู่ระหว่างการปรับแผนรับผู้สมัครใจ มีแผนการเข้าเวรทำงาน เวรพัก และจัดหาสถานที่พักหลังเลิกงานให้แยกจากผู้อื่น เพื่อลดการแพร่เชื้อ
สำหรับกรณีก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเป็นการบังคับกำลังพลให้มาทำหน้าที่เวรเปล พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนั้นผู้บังคับบัญชายังไม่ได้ทำความเข้าใจอาจมีแค่บางคนที่ไม่เต็มใจ แต่เมื่อผู้บังคับบัญชามาพิจารณาอีกครั้ง จึงเน้นความสมัครใจน่าจะเหมาะสมกว่า และเป็นแนวทางที่ดีหากมองอีกแง่หนึ่ง เป็นโอกาสที่จะทำความดีในช่วงวิกฤติชาติ อะไรที่ช่วยกันได้ ก็จะเป็นความภูมิใจในภายหลัง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้คำแนะนำว่า หากจิตอาสาที่มีทักษะจะมาช่วย รพ.ตำรวจ หรือศูนย์รับแจ้งเหตุ ก็ได้ ซึ่งจะมีการประชุมหารืออีกครั้งสำหรับศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ที่จะไปช่วยสนับสนุนรับแจ้งเหตุผู้ติดเชื้อโควิด-19 กรณีคู่สายหน่วยงานหลักเต็ม คาดว่า ผบ.ตร. จะแถลงความชัดเจนในวันพุธ ช่วงเช้า เพื่อกำหนดขั้นตอน ว่าจะเริ่มสนับสนุนได้เมื่อไหร่
อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมจาก บช.น. ว่า สำหรับตำรวจที่อาสามาช่วยงานพลเปล จะได้รับสวัสดิการเพิ่มเติม คือ 1.จัดทำประกันโควิด ทุนประกัน 200,000 บาท 2.พิจารณา 2 ขั้น และ 3.เบี้ยเลี้ยงพิเศษ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news