จับมือยิงหนังสติ๊กเป็นอดีตคนขับรถเมล์ อ้าง อยากระบายอารมณ์ ทำแล้วรู้สึกสงบลง
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น.แถลงจับกุม นายไพรวัลย์ แอ้ชัยภูมิ หรือ คิด อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้หนังสติ๊กยิงหินใส่รถประจำทาง ขสมก. สาย 137 และ 185 และรถยนต์ประชาชนอีกหลายคัน ย่านทางลอดอุโมงค์ข้ามแยกรัชดา-สุทธิสาร โดยจับกุมได้ที่ ห้องพักแห่งหนึ่งย่านสุขสวัสดิ์ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พร้อมยึดของกลางเป็นหนังสติ๊กและหินประดับสวนสีขาวที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าเก็บมาจากปั๊มแก๊สแห่งหนึ่ง ย่านเพชรเกษม รวมถึงด้ามยิงหนังสติ๊กเจ้าหน้าที่ กทม. ไปพบในถังขยะใกล้ห้องเช่าของผู้ต้องหา
ผบช.น.กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยลาออกจากการเป็นคนขับรถประจำทาง เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ไม่พอใช้ ก่อนหันมาทำอาชีพขับรถแท็กซี่ ได้ประมาณ 1 เดือน โดยใช้รถแท็กซี่เป็นพาหนะก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่ยิงหนังสติ๊กใส่ชาวบ้าน มาจากต้องการระบายอารมณ์ เนื่องจากความเครียด ทำแล้วรู้สึกสงบลง ส่วนจะมีอาการทางจิตหรือไม่ ต้องรอผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ
ทั้งนี้คนร้ายจะลงมือระบายอารมณ์กับร้านค้าเนื่องจากมีคนอยู่เยอะ บางครั้งจะระบายอารมณ์กับรถโดยสารขนาดใหญ่ และหากมีรถที่ขับช้าก็จะใช้หนังสติ๊กยิงอีกด้วย เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกาย ลักทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากนั้นตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้นำตัวนายไพรวัลย์ มาจำลองเหตุการณ์ขณะยิง โดยคนร้ายได้ขึ้นไปที่นั่งคนขับ ก่อนจะเปิดกระจกรถ และใช้สองมือยิงหนังสติ๊ก โดยให้เจ้าหน้าที่สายตรวจช่วยกันดันรถ ให้เคลื่อนที่ และทดสอบยิงดินน้ำมันใส่รถที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ ทั้งนี้เวลาคนร้ายก่อเหตุ จะขับรถโดยใช้ความเร็วปกติ และยิงหนังสติ๊กใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ ภายหลังจากจำลองสถานการณ์เสร็จสิ้น ตำรวจได้นำตัวคนร้ายกลับไปสอบปากคำทันที โดยนายไพรวัลย์ ได้ยกมือไหว้และกล่าวขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป
@inn_news จับมือยิงหนังสติ๊กเป็นอดีตคนขับรถเมล์ อ้าง อยากระบายอารมณ์ ทำแล้วรู้สึกสงบลง #ยิงหนังสติ๊ก #ยิงหนังสติ๊กใส่รถ #ยิงหินใส่รถ#INNNews #ข่าวTiktok
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news