Home
|
อาชญากรรม

อธิบดีฯศาลอาญาสั่งเอาผิดม็อบขู่ผู้พิพากษา

Featured Image
อธิบดีฯ ศาลอาญา สั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ดำเนินคดีม็อบข่มขู่ผู้พิพากษา ลั่นไม่มีประเทศไหนในโลกที่บุกมาข่มขู่ถึงหน้าศาล

นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษา ศาลอาญา กล่าวถึงเหตุการณ์การชุมนุมบริเวณบันไดศาลอาญาเพื่อเรียกร้องกดดันให้ปล่อยเเกนนำคณะราษฎรเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ทางศาลอาญากำลังตรวจสอบข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และรายละเอียดทั้งหมดอยู่ ให้ละเอียดชัดเจน ถ้าหากมีการกระทำที่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ทางศาลอาญาก็จะดำเนินการเอง

ในส่วนข้อหาอื่น ที่เป็นในภาพรวมเช่น ความผิดฐานดูหมิ่นศาล หรือความผิดลักษณะนี้ก็จะขอให้สำนักงานศาลยุติธรรมดูข้อมูลจากคลิปเพื่อดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป ส่วนความผิดพวก พรก.ฉุกเฉินฯหรือ พรบ.ควบคุมโรคฯเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ การดำเนินการต้องเเยกกัน

ส่วนเรื่องการตรวจสอบจะใช้ระยะเวลานานหรือไม่นั้น ขณะนี้ทางผู้อำนวยการศาลอาญากำลังตรวจสอบดูอยู่คาดว่าเร็วๆนี้จะมีการดำเนินการ เราอยากดำเนินการให้เร็ว เเต่ติดปัญหาเรื่องการพิจารณาคดีเพราะติดโควิด เเต่ถ้ามีจำเลยที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดอำนาจศาลติดประกันอยู่ในคดีอื่นแล้วเราสามารถเรียกตัวมาได้ง่าย ก็จะดำเนินการเร็วขึ้น

นอกจากนี้ยังระบุว่า พฤติการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมแสดงออก ถือว่าเป็นการข่มขู่ศาล ข่มขู่ผู้ พิพากษาและไม่คำนึงถึง หลักกฎหมายที่ควรจะเป็นไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีการเข้ามาขู่ศาลถึงหน้าศาลแบบศาลอาญาประเทศไทย ถ้าเป็นประเทศอื่นเชื่อว่าน่าจะถูกจับกุมไปหมดแล้ว

ซึ่งสิ่งที่ปรากฏจะเห็นว่าศาลได้ปล่อยให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังถูกกล่าวหาว่าทำศาลให้เป็นเรือนจำ ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงสังเกตจากวานนี้ ที่เจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้คัดกรองอะไรเข้มจนเกินปกติ เเต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับใช้ปฏิกิริยากดดันศาลด่าทอหยาบคายจึงมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การใช้สิทธิแต่เป็นการก้าวร้าวไม่เคารพกฎหมายมากกว่า

 

 

 

อธิบดีศาลอาญา โต้ ทนายม็อบ อย่าสร้างกระเเสกดดัน ยันการยื่นเงื่อนไข 7 แกนนำ ต่างจาก ชุด”ไผ่-สมยศ-หมอลำแบงก์” ชี้ ในคำร้องไม่ระบุเสนอเงื่อนไขจะไม่กระทำซ้ำ

นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงหลักเกณฑ์การปล่อยชั่วคราว กรณียกคำร้องเเกนนำม็อบราษฎรหลายครั้งว่าการปล่อยชั่วคราวตามสิทธิสามารถกระทำได้ตลอด แต่ต้องดู ป.วิอาญา เกี่ยวกับเรื่องการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวว่าก่อนหน้านี้ที่ศาลไม่ให้ประกันเป็นเพราะอะไร เพราะที่ศาลมีคำสั่งให้ประกันก่อนหน้านี้ ซึ่งการพิจารณาจะพิจารณาตามลักษณะภาพและการกระทำ ของจำเลยแต่ละคนในคดีที่ถูกฟ้องว่าได้กระทำอะไรบ้าง จึงไม่อนุญาตโดยอาศัยหลักตามมาตรา 108/1 ที่ว่าหากให้ประกันแล้ว เกรงว่าจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น

ซึ่งเหตุนี้มีความหมายว่า เป็นเรื่องที่กระทำมาแล้วแล้วจะกลับไปกระทำอีกส่วนผิดหรือไม่ผิดเอาไว้อีกที ในเมื่อฟ้องมาเเล้วว่าทำอย่างนี้ เมื่อปล่อยไปก็ไปกระทำอีก อันนี้ก็เป็นเหตุอันตรายประการอื่นก็ได้หรือเป็นเหตุอันตรายประการอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ คือไปก่อเรื่องอื่นที่ผิดกฎหมายเรื่องอื่นอันนี้ก็อยู่ในขอบเขตคำนี้ ศาลก็พิจารณาถึงข้อนี้จึงไม่อนุญาตไป

นายสิทธิโชติ ระบุต่อว่า การขอประกันครั้งต่อไป จึงต้องดูว่าสิ่งที่ศาลไม่อนุญาตเพราะเหตุใด และจำเลยหรือผู้ต้องหาจะสามารถแก้ไขเหตุนั้นหรือทำให้เหตุนั้นเปลี่ยนเเปลงไปเเล้วเหมือนกรณีของ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ,นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ เเละนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ ที่ทั้ง 3 ได้แถลงต่อศาลเองว่าจะไม่กระทำเเบบเดิม เเละศาลก็รับเงื่อนไข

เมื่อถามว่าทนายความอ้างว่าได้ยื่นคำร้องประกันโดยใช้เงื่อนไขเดียวกับ 3 คนก่อนหน้านี้ นาย สิทธิโชติ ยืนยันว่า ไม่ใช่ ในคำร้องที่ยื่นมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาแตกต่างกับ 3 คนที่ได้ประกันตัว ในหลายประเด็น โดยในส่วนของ 3 คนนั้น ตัวจำเลยเองเป็นคนลงชื่อในคำร้องเเละยืนยันต่อศาลขอให้ศาลทำการไต่สวนและแถลงต่อศาลด้วยตนเอง ว่าจะไม่กระทำลักษณะที่ถูกฟ้องและจะไม่ก่อเหตุร้ายประการอื่น ส่วนข้อกำหนดอื่นก็ให้ศาลสั่ง

ซึ่งศาลเองก็ไม่สามารถสั่งอย่างอื่นได้ต้องสั่งตาม ป.วิอาญามาตรา 108 / 1 ที่ว่าจะไม่ก่อเหตุร้ายประการอื่นศาลก็จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเพราะ จำเลยเป็นคนเสนอเงื่อนไขเองและจำเลยก็เป็นคนแถลงเอง ไม่ใช่ทนายความเป็นคนแถลงแต่ฝ่ายเดียว จึงแตกต่างกัน ส่วนที่ทนายความยื่นคำร้องเมื่อวานทนายยื่นเอง ในเนื้อหาก็ไม่ได้พูดถึงเลยพูดเพียงแต่ว่า ให้ศาลกำหนดเงื่อนไขเอา ซึ่งศาลจะไปบังคับก็ไม่ได้ ศาลจะไม่บังคับใคร แต่ว่าหากตัวจำเลยเห็นว่าสิ่งที่ศาลสั่งว่าเกรงจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น ที่ศาลก็บอกแล้วว่าที่ไม่ให้ประกันเกรงจะไปกระทำซ้ำ ในความผิดที่ฟ้องเเละจำเลยตัดสินใจจะไม่กระทำเเบบนั้นอีก พร้อมยอมรับในกระบวนการยุติธรรมอีกศาลก็จะพิจารณา

แต่เมื่อวานทนายไม่ได้ยื่นรายละเอียดว่าจำเลยจะไม่ทำอะไรบ้างตามที่ศาลเคยสั่งไป อีกทั้งจำเลยยังไม่เคยพูดหรือไม่เคยเขียนรายละเอียดอะไรเลย แม้กระทั่งวันที่ออกศาลมาพิจารณาพร้อมกับหมอลำแบงค์ ตัวจำเลยคนอื่นก็อยู่ด้วยกันตลอด จำเลยทั้ง7 คนที่ยื่นประกันก็ไม่เสนอเงื่อนไขอะไร เงื่อนไขที่อ้างว่าเจ็บป่วยก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ทางราชทัณฑ์ก็ยืนยันตลอด คือมันไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ตรงกัน สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความกดดันต่อความรู้สึกผู้พิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาจะต้องทำงานโดยปราศจากความกดดันใด ๆ ทั้งสิ้น

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube