ครม. เทงบอุดหนุน รฟท. วงเงิน 2,886 ล้านบาท ปี64 , อนุมัติมาตรการภาษี หนุนโอนหลักประกันช่วงโควิด
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. จำนวน 2,886 ล้านบาท โดยเงินอุดหนุนดังกล่าว มาจากการประมาณรายได้ ของ รฟท. ไว้ ที่จำนวน 314 ล้านบาทและประมาณการค่าใช้จ่ายจำนวน 3,201 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมประมาณการต้นทุนจากการให้บริการสาธารณะ ในเรื่องค่าใช้จ่ายพนักงานการเดินรถและซ่อมบำรุง ค่าซ่อมบำรุง และค่าเบี้ยประกันภัย รวมถึงนำผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาคำนวณซึ่งทำให้ประมาณการผู้โดยสารในปี 2564 ลดลง
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีอากร เพื่อสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ ซึ่งเป็นการยกเว้นภาษีอากรและการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ เพื่อสนับสนุนการลดภาระหนี้ของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการะบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ประมาณการการสูญเสียรายได้จากมาตรการนี้เป็นเงินจำนวน 12,000 ล้านบาท แต่จะมีประโยชน์ที่คุ้มค่าคือ ผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโรคโควิด-19 มีภาระทางการเงินลดลงและมีโอกาส ที่จะซื้อทรัพย์สินคืนเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไปในราคาที่ไม่สูงเกินจริง เมื่อสถานการณ์การระบาดคลี่คลายลง
ครม. แต่งตั้ง ประธานธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พร้อมตั้งศุภชัย เอกอุ่น นั่งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการอื่น ในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยให้ นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง เป็นกรรมการ และนางสาวลดาวัลย์ คำภส เป็นกรรมการ
พร้อมแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โดยให้นายพสุ โลหารชุน เป็นประธานกรรมการ ให้นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ นายคณิทธ์ สว่างวโรรส และนายสุวัฒน์กมลพนัส เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ได้เแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยให้นายศุภชัย เอกอุ่น ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในปีแรกอัตราเดือนละ 465,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินการปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง ให้ความเห็นชอบ
รครม.อนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนโครงการฝายหัวนา จ.ศรีสะเกษ รวมทั้งสิ้น 104 แปลง เนื้อที่ 628 ไร่ เป็นเงิน 62 ล้านบาท
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมอนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา จ.ศรีสะเกษ รวมทั้งสิ้น 104 แปลง เนื้อที่ 628 ไร่ 3 งาน 17 ตารางวา เป็นเงิน 62 ล้านบาท แบ่งเป็นกรณีที่ดินมีเอกสารสิทธิจำนวน 82 แปลง เนื้อที่422 ไร่ 1งาน 15 ตารางวา ในอัตราไร่ละ 125,000 บาท เป็นเงิน 52,785,937.50 บาท และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิจำนวน22 แปลง เนื้อที่ 206 ไร่ 2 งาน 2 ตารางวา ในอัตราไร่ละ 45,000 บาท เป็นเงิน 9,292,725 บาท โดยได้ผ่านการตรวจสอบและเห็นชอบโดยคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา เฉพาะกลุ่มโนนสัง กลุ่มราษีไศล และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยในส่วนชของงบประมาณ กรมชลประทานจะปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2564 มาดำเนินการจ่ายเงินค่าทดแทนให้
นอกจากนี้ เพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และป้องกันไม่ให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบจากราษฎร ครม.จึงอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าทดแทน จ.ศรีสะเกษ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงิน และจำนวนเงินค่าทดแทนให้ถูกต้องครบถ้วนตามบัญชี
โดยคณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่พิจารณาตรวจสอบบุคคลผู้มีสิทธิจำนวน 104 ราย และควบคุมการโอนจ่ายเงินให้ถูกต้องครบถ้วน โดยใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารจ่ายตรง ตามบัญชีรายชื่อบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการหรือทายาท พร้อมให้มีสิทธิได้รับการยกเว้นค่าภาษีเงินได้และภาษีอื่นๆ จากการขายหรือแบ่งขายที่ดินเฉพาะกรณีผู้ถูกเขตโครงการฝายหัวนาที่ยินยอมตกลงราคาซื้อขายที่ดินกับกรชลประทานและต้องเสียภาษีเงินได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news