สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ คาด ส่งออก ปี 64 มีโอกาสโตได้10% หลังเศรษฐกิจโลกฟื้น บาทอ่อน ขณะโควิด วัคซีนล่าช้ายังเป็นปัจจัยเสี่ยง
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. คาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโตมากกว่า 7% การส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้อยู่ที่ 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสเติบโตถึง 10% โดยการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากต้องการให้ส่งออกทั้งปีอยู่ที่ 15% การส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนต้องอยู่ที่ 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งโอกาสอาจจะน้อยเนื่องจากต้องมีหลายปัจจัยที่ต้องผลักดันการส่งออก
ทั้งนี้ การส่งออกจะขยายตัวเติบโตได้ต้องมีปัจจัยบวกที่สนับสนุน ได้แก่
1.การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายตามปกติ
2.ค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า 3.ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงถึงระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐ ที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ทั่วโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบ ประกอบด้วย
1.แรงงานขาดแคลน เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวทำให้ความต้องการแรงงานในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศและยังไม่ได้เดินทางกลับเข้ามาจากการปิดประเทศ ประกอบกับปัจจุบันจำนวนวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ยังไม่สามารถจัดสรรให้เพียงพอกับจำนวนแรงงานในภาคการผลิตเท่าที่ควร ยิ่งซ้ำเดิมปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
2.สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีความรุนแรงในประเทศ อาทิ กรณีคลัสเตอร์การระบาดในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศ เริ่มส่งกระทบต่อกระบวนการผลิตที่ต้องหยุดชะงักชั่วคราวและการเลื่อนส่งมอบสินค้าไปยังประเทศปลายทาง
3.ปริมาณปัจจัยการผลิตที่ไม่เพียงพอและมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น
4.ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนและอัตราค่าระวางที่ทรงตัวในระดับสูง ที่ยังต้องมีการแก้ไขปัญหา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news