บล.เอเซียพลัส เผย 3 ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเดือน ก.ค. ห่วงโควิดสายพันธุ์ “แลมบ์ดา” โผล่ไทย แพร่เร็วกว่า “เดลต้า” ล่าสุดเจอแล้ว 30 ประเทศ จับตา Lockdown
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า ปัจจัยในประเทศต้องติดตามสถานการณ์ Covid-19 ใกล้ชิด โดยหากจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ลดลงภายในสัปดาห์หน้า อาจมีการพิจารณามาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งมีการพูดถึงการทำ Lockdown เหมือนช่วงไตรมาส 2 ปี 2563
สำหรับประเด็นในประเทศที่น่าจะยังมีผลต่อการขับเคลื่อนของ SET index ตลอดเดือน ก.ค. ยังมี 3 เรื่องที่ยังเป็นปัจจัยกดดัน คือ
1. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ Covid ที่ยังอยู่ระดับ 5-6 พันรายต่อวัน และความกังวลการระบาดทั้งสายพันธ์ Delta และ สายพันธ์ใหม่ ล่าสุด คือ แลมบ์ดา จากประเทศเปรู ที่ต่างประเทศพบเจอแล้วใน 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแพร่กระจายเร็วกว่า Delta เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
2. การกระจายวัคซีน และการจัดหาวัคซีน COVID-19 หากจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ในเดือน ตค.64 จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้เฉลี่ยวันละ 3.5 แสนโดสต่อวัน ซึ่งข้อมูลการฉีดรายวัน ดูเหมือนว่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้า คือ ฉีดได้วันละ 1-2 แสนโดส ส่วนการจัดหาวัคซีน เป็นประเด็นที่ต้องติดตามจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ แม้วานนี้ที่ประชุม ครม. อนุมัติจัดซื้อวัคซีน COVID-19 เพิ่มเติม ได้แก่วัคซีน Sinovac 10.9 ล้านโดส เข้ามาช่วง ก.ค. – ส.ค. 2564, Pfizer 20 ล้านโดส เข้ามาช่วง ต.ค. 2564 และ Moderna 5-9ล้านโดส เข้ามาช่วง ไตรมาส 4 ปี 2564
3. การจำกัดกิจกรรมเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาล Lockdown 10 จังหวัด ระยะเวลา 1 เดือน และปัจจุบัน สถานการณ์ผู้ติดเชื้อคงเพิ่มขึ้น ล่าสุดเริ่มมีข้อเสนอจาก ศบค. คือคาดจะประชุมในวันที่ 11-12 ก.ค. 2564 เพื่อประเมินสถาการณ์ ซึ่งหากแนวโน้มยังไม่ดีขึ้น ศบค. อาจพิจารณายกระดับมาตรการ Lockdown เหมือนช่วงเดือน เม.ย. 2563 ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news