ขสมก. จำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 50% ของความจุ พร้อมเพิ่มความถี่ปล่อยรถ 3 คันสุดท้าย มีระยะห่างกัน 5 – 10 นาที เริ่มพรุ่งนี้ 21 ก.ค.
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ให้หน่วยงานที่ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด และการขนส่งสาธารณะทุกประเภทระหว่างจังหวัดทั่วราชอาณาจักร โดยจำกัดจำนวนผู้โดยสาร ที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้โดยสาร สำหรับยานพาหนะแต่ละประเภท รวมทั้งจัดให้มีการเว้นระยะห่างและการปฏิบัติตามมาตรการ ด้านสาธารณะสุขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาจัดการให้บริการขนส่งสาธารณะ ให้เพียงพอต่อความจำเป็น และตามเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางของประชาชน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
ขสมก. จึงปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว โดย
1.จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางทุกคัน ไม่ให้เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้ใช้บริการ
2. ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทาง จากเวลาปกติ เป็นให้บริการ เวลา 05.00 – 21.00 น.เพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00 – 08.00 น.) และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ถึงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (16.00 – 21.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5 – 10 นาที
3. ให้บริการรถโดยสาร วันธรรมดา จำนวน 18,000 – 20,000 เที่ยว วันเสาร์ – วันอาทิตย์ ให้บริการรถโดยสาร จำนวน 16,000 เที่ยว
4. ปล่อยรถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทางประมาณ 20.00 น. เพื่อให้พนักงานสามารถนำรถกลับเข้าอู่จอดรถได้ทันเวลา 21.00 น. โดยปรับเพิ่มความถี่ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้าย ให้มีระยะห่างกัน 5 – 10 นาที ซึ่งรถโดยสาร 3 คันสุดท้าย จะติดป้ายข้อความบ่งชี้บริเวณหน้ารถโดยสาร
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้ง ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เตรียมตัวกลับบ้านก่อนเวลา 18.00 น. เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบนรถโดยสาร ในช่วงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (20.00 – 21.00 น.)
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news