Home
|
เศรษฐกิจ

อาเซียน-สหรัฐเห็นชอบแผนเศรษฐกิจฉบับใหม่

Featured Image
อาเซียน-สหรัฐ เห็นชอบแผนความร่วมมือเศรษฐกิจฉบับใหม่ เตรียมชงเวทีรัฐมนตรีเคาะกันยายนนี้ หวังช่วยเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างกันมากขึ้น

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน–สหรัฐฯ ครั้งที่ 34 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อหารือแผนงานความร่วมมือฉบับใหม่ภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนระหว่าง อาเซียน–สหรัฐฯ สำหรับปี 2564-2565 และจะเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ในเดือนกันยายนนี้

โดยที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันต่อสาขาความร่วมมือภายใต้แผนงานฉบับใหม่ดังกล่าว ซึ่งครอบคลุมเรื่องสำคัญ เช่น การค้าดิจิทัล แนวทางการจัดทำกฎระเบียบที่ดี การอำนวยความสะดวกทางการค้า การเชื่อมโยงระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน พร้อมกันนี้ แผนงานฉบับใหม่ดังกล่าวจะมีกิจกรรมความร่วมมือที่น่าสนใจ เช่น การจัดทำรายงานดัชนีการรวมกลุ่มพัฒนาด้านดิจิทัลของอาเซียน การพิจารณาความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการส่งออกระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ การสร้างความพร้อมให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในการประกอบธุรกิจออนไลน์และการค้าดิจิทัล โดยคาดว่าแผนงานความร่วมมือฉบับใหม่ดังกล่าวจะช่วยสานต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ และสนับสนุนให้อาเซียนเกิดการปรับตัวและฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ การค้าระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ ช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2564 มีมูลค่ารวมกว่า 181,664 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกัน มีมูลค่ารวมกว่า 27,049 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 19,873.8 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube