โฆษกกระทรวงดีอีเอสเตือนอย่าหลงเชื่อแผ่นแปะสติกเกอร์หัวหอมแฮปปี้โนส ฆ่าเชื้อไวรัสได้ภายใน 60 วินาที
นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเรื่อง สติกเกอร์หัวหอมแฮปปี้โนส ฆ่าเชื้อไวรัสได้ภายใน 60 วินาที ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีผลิตภัณฑ์สติกเกอร์หัวหอม ตราแฮปปี้โนส สูตร Virus Protection ที่ใช้ข้อความแสดงสรรพคุณว่าสามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ภายใน 60 วินาทีนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อมูล และเนื้อหาการโฆษณาดังกล่าวพบว่า เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่อยู่ในรูปแบบแผ่นแปะ มีสูตรส่วนประกอบหลักจากหัวหอม กล่าวอ้างสรรพคุณ และวิธีการใช้คือใช้แปะเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสูตรตำรับแล้วเห็นว่า มิได้มีสรรพคุณหรือมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งเมื่อสืบค้นในระบบฐานข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ไม่พบว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนไว้แต่อย่างใด จึงไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรนี้ เพื่อหวังผลในการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพ หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือโทรสายด่วน อย. 1556
นอกจากนี้ประชาชนทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนแจ้งเบาะแสการฉ้อโกงหรือหลอกลวงทางโซเชียล โดยแจ้งเข้ามาได้ผ่านช่องทาง ดังนี้ ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และโทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 รวมทั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ โทร. 1212 เพื่อจะประสานต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news