“ศักดิ์สยาม”ตรวจความพร้อมสุวรรณภูมิรับเปิดปท.
“รมว.ศักดิ์สยาม” ลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมเปิดประทศ รับนโยบายนายกรัฐมนตรี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากากระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมรองรับนโยบายการเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย. 2564 ณ ท่าอากาศยานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานที่รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ท่าอากาศยานหาดใหญ่ รวมถึงท่าอากาศยานภูเก็ต ที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการตามนโยบายการเปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีนโยบายเปิดรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และมีการตรวจ SWAP ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้วไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ประกอบกับได้มีการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนชาวไทย และชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย มีปริมาณเพียงพอ หรือ 120 ล้านโดสในปี 2564 และอีกกว่า 60 ล้านโดสในปี 2565
ทั้งนี้ เพื่อต้องการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเพิ่มกำลังการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศไทย
สำหรับนโยบายการเปิดประเทศดังกล่าว จะแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ คือ 1 พ.ย. 2564 จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาจากประเทศต้นทางที่ประเมินว่า มีความเสี่ยงต่ำ ให้สามารถเดินทางทางอากาศเข้ามายังประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ในเบื้องต้นคาดว่าจะมี 10 ประเทศ เช่น อังกฤษ จีน เยอรมัน สิงคโปร์ เป็นต้น ก่อนที่จะขยายผลไประยะที่ 2 ในช่วง ธ.ค. 2564 และระยะที่ 3 ช่วง ม.ค. 2564 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม จะนำบทเรียนของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มาปรับปรุงแก้ไข และประยุกต์ใช้กับอีก 5 ท่าอากาศยาน ทั้งเรื่องการอำนวยความสะดวกสบาย รวมถึงมาตรการด้านความปลอดภัยทางสาธารณสุข จากการตรวจความพร้อมในครั้งนี้ พบว่า ขั้นตอนต่างๆ เป็นระบบ โดยระยะเวลาของผู้โดยสารตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน จนถึงกระบวนการต่างๆ ใช้ระยะเวลาประมาณ 25 นาที/คน ซึ่งเร็วกว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ใช้เวลาประมาณ 30 กว่านาที/คน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ในช่วงการเปิดระยะแรก จะมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ที่ 10,000 คน/วัน หรือประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีผู้โดยสารอยู่ที่ 50,000 คน/วัน โดยยืนยันว่า ทั้ง 6 ท่าอากาศยาน มีความพร้อมในการรองรับการเปิดประเทศ 100% อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน จากการรายงานของท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่า หากรัฐบาลต้องการเกิดความคล่องตัวในการดำเนินการนั้น อาจจะให้พิจารณารับผล SWAP ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และหลักฐานการรับวัคซีนครบ 2 โดสมาใช้เป็นหลักเกณฑ์เบื้องต้น ส่วนหลักประกันอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะกำหนดที่ 50,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ รวมถึงการพิจารณาการขึ้นรถเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก เสนอว่า ควรจะมีการติดตั้งแผ่นอะคริลิกใสเพื่อกันระหว่างผู้ขับรถ กับผู้โดยสาร จากนั้นเมื่อไปถึงที่พัก ถึงเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจหาเชื้อในรูปแบบ ATK หรือ RT-PCR ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อลดความหนาแน่นบริเวณท่าอากาศยาน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news