ครม.รับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง สิ้นปีงบ64 ทุกอย่างยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐและความเสี่ยงทางการคลังณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2564 ( 30 กันยายน 2564) มีสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นจริงในสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ร้อยละ 58.15 ไม่เกินกรอบที่กำหนดคือ ร้อยละ 70 สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ ร้อยละ 32.27 ไม่เกินกรอบที่กำหนดคือ ร้อยละ 35 สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด ร้อยละ 1.80 ไม่เกินกรอบที่กำหนดคือ ร้อยละ 10 และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ร้อยละ 0.06 ไม่เกินกรอบที่กำหนดคือ ร้อยละ 5 ส่วนความเสี่ยงทางการคลัง ยังอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด
ครม.อนุมัติร่างกฎกระทรวงการคลัง เพิ่มช่องทางยื่นแบบเสียภาษีแบบครบวงจร ผ่านแอปของกรมสรรพากร ปลอดภัยด้วยระบบยืนยันตัวตน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมอนุมัติร่างกฏกระทรวง ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยื่นรายการแบบ คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากรบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่ออำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการเสียภาษีของประชาชน ซึ่งร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ผู้นำส่งภาษี ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือบุคคลใด อาจยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือเอกสารอื่นใดให้กรมสรรพากรผ่าน Application Programming Interface (API) หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นได้ โดยกำหนดให้มีการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ผู้นำส่งภาษี ผู้ประกอบการจดทะเบียน ที่สามารถระบุตัวตนเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ ทั้งนี้ เมื่อยื่นรายการและชำระภาษีอากร ขอคืนภาษี หรือการดำเนินการอื่นๆ แล้วเสร็จ จะได้รับใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกรมสรรพากรได้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์รับรองแล้ว
ทั้งนี้ประโยชน์ที่จะได้รับจากร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ 1)เป็นการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน และลดต้นทุนการเสียภาษีของประชาชน 2)เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลและสนับสนุนให้ภาครัฐมีฐานข้อมูลภาษีที่ครบถ้วนสามารถนำไปใช้วิเคราะห์ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 3)เป็นการยกระดับรูปแบบการให้บริการภาครัฐที่ทันสมัย ได้มาตรฐานและปลอดภัย ขับเคลื่อนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
ครม.ผ่านมาตรการภาษี จูงใจร่วมบริจาคศิริราชมูลนิธิ-มูลนิธิจุฬาภรณ์ ผ่านระบบ e-Donation ลดหย่อนได้ 2 เท่า
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ที่ประชุมอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอซึ่งเป็นมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและภาคเอกชนร่วมบริจาคด้านสาธารณสุขโดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ศิริราชมูลนิธิหรือมูลนิธิจุฬาภรณ์ ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 ดังนี้
1.บุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น
2.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
3.บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่มูลนิธิดังกล่าว
นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า แม้มาตรการทางภาษีนี้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณปีละ 300 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมให้ประชาชนและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริจาคด้านสาธารณสุขให้แก่ศิริราชมูลนิธิหรือมูลนิธิจุฬาภรณ์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news