ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 1,800 ล้านบาท เสริมสภาพคล่อง ผู้เพาะเลี้ยงและผู้ประกอบการแปรรูปจระเข้
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้จระเข้ซึ่งมีขนาดที่สามารถนำไปใช้ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กว่า 600,000 ตัว ในฟาร์มเพาะเลี้ยงทั่วประเทศ ไม่สามารถจำหน่ายและแปรรูปเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกได้ ส่งผลให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ต้องแบกภาระค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการเพาะเลี้ยง และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องมีต้นทุนค่าใช้จ่าย เช่น การฟอกหนัง การเก็บรักษา (Stock) การแปรรูป เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน รวมทั้งขาดเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. จัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง วงเงิน 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ วงเงิน 600 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปจระเข้ให้กับผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง วงเงิน 1,200 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR – 3 หรือร้อยละ 3.5 ต่อปี (ปัจจุบันดอกเบี้ย MRR ร้อยละ 6.5 ต่อปี) และอัตราดอกเบี้ย MLR – 3 หรือร้อยละ 1.875 ต่อปี (ปัจจุบันดอกเบี้ย MLR ร้อยละ 4.875 ต่อปี) ตามประเภทลูกค้า โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนเกษตรกรและผู้ประกอบการในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี กำหนด ชำระคืนภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันกู้
สำหรับคุณสมบัติของผู้กู้ต้องเป็นเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้ ที่มีการแจ้งการประกอบกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พร้อมทั้งมีหลักฐานแสดงจำนวนจระเข้ที่ได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์ ทำการค้า และครอบครองจระเข้ ตามกฎหมายว่าด้วยสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับจระเข้ ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายข้างต้น ตลอดจนมีแผนการจัดซื้อจระเข้เพื่อนำมาแปรรูป โดยจระเข้นั้น ต้องได้มาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงจระเข้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ทั้งนี้ กรณีผู้กู้เป็นทั้งเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง สามารถขอรับการสนับสนุนสินเชื่อได้เพียงประเภทเดียว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news