“รมว.อาคม” ย้ำ GDP ปีนี้โต 1% ปีหน้า 4% จับตาโอไมครอน ยืนยันมีวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม โดยด้านมาตรการป้องเป็นเรื่องของด้านสาธารณสุข แต่ทางด้านกระทรวงการคลังจะต้องติดตาม เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า หากโอไมครอนระบาดจะมีเม็ดเงินในการเยียวยาอยู่หรือไม่นั้น ยืนยันว่า ยังมีเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 500,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังมีเม็ดเงินเหลือ 250,000 ล้านบาท ที่ใช้สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้นสามารถโยกวงเงินดังกล่าวมาใช้ได้ก่อนหากจำเป็น
ขณะที่ในปี 65 รัฐบาลมีเม็ดเงินที่พร้อมจะลงสู่ระบบอยู่แล้วรวมกว่า 1 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย ลงทุนกว่า600,000 ล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจกว่า 300,000 ล้านบาท และเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 250,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้แน่นอน โดยปัจจุบันกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างติดตามแผนการใช้จ่ายดังกล่าวด้วยขณะที่กรณีที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช็อปดีมีคืนนั้น ขอให้รอติดตามก่อน
อย่างไรก็ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้มั่นใจว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 1 และปี 65 คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้สินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง ภาครัฐเร่งสรุปวางแนวทางดูแล
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาของสินทรัพย์ดิจิทัล ที่นักลงทุนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจว่า ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงโดยกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างหารือในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การลงทุนเป็นตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
ขณะที่การดำเนินนโยบายใดนั้น ต้องให้มั่นใจว่า ไทยจะไม่ศูนย์เสียความมั่นคงทางการคลัง เพราะเรามีเป้าหมายต้องการให้มีวินัยและความยั่งยืน ในการดำเนินนโยบาย โดยกะรทรวงการคลังจะปฏิบัติตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทยอยู่ที่ระดับร้อยละ 58.8 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการคลังที่ร้อยละ 70 ซึ่งเป็นเพดานที่กำหนดไว้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
