กกร.ปรับส่งออก64ดีขึ้น13-15% คาดปีหน้า3-5% GDP บวกแน่อย่างน้อย1% จับตาโอไมครอนความเสี่ยงศก.ในอนาคต
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประจำเดือนธันวาคม 2564 ว่า ที่ประชุมได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศว่ามีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในปี 2565 แม้จะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์”โอไมครอน” เนื่องจากปัจจุบันไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยภาคเอกชนเห็นว่าไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไปทุกภาคส่วนควรปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในรอบใหม่ซ้ำเติม เนื่องจากที่ผ่านมาการล็อกดาวน์มีผลต่อต้นทุนเศรษฐกิจสูงและกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นของทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดย กกร. คาดว่า เศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวได้ในกรอบ ร้อยละ 3.0-4.5 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.0-5.0 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.2-2.0 ตามราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตา”โอไมครอน” อาจกลายเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกในอนาคต ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความรวดเร็วของการแพร่ระบาดและสำหรับการส่งออกในปีนี้ กกร. ได้มีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 13-15 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจีดีพี ขยายตัว ร้อยละ 0.5-1.5 หรือ ขยายตัวเป็นบวกไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 1 อย่างแน่นอน
ทั้งยังเปิดเผยเรื่องภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลพิจารณาโครงการ “ช้อปดีมีคืน” โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาในการใช้เพียงสั้นๆทำให้มีการใช้จ่ายที่รวดเร็ว และเป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจช่วงปลายปีได้โดยที่รัฐบาลไม่ต้องสูญเสียงบประมาณ ในขณะที่ผู้ประกอบการเองจะสามารถระบายสต็อกสินค้าได้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ทำให้การใช้จ่ายของประชาชนสะดุดลงและผู้ประกอบการมีสต็อกสินค้าคงเหลือเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม นายสนั่น ย้ำว่า เร็วๆ นี้จะเข้าหารือเรื่องดังกล่าวกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือในรายละเอียดของโครงการ คาดว่า จะเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยโครงการอาจทันในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
