นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถานการณ์เบร็กซิท ว่า ตามที่สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป หรือ อียู ได้บรรลุข้อตกลงการค้าและความร่วมมือ (EU-UK Trade and Cooperation Agreement) และสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงการค้าฯ แล้วนั้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการให้สัตยาบันจากรัฐสภายุโรป ซึ่งคาดว่าจะประชุมภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ในส่วนของสหราชอาณาจักรได้ให้สัตยาบันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้อตกลงการค้าฯ ทำให้สหราชอาณาจักรกับอียูสามารถทำการค้า โดยไม่มีภาษีศุลกากรและไม่มีโควตาระหว่างกันต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกจะเผชิญกับพิธีการทางศุลกากรที่ซับซ้อนขึ้น และด้วยการเจรจาและการกลั่นกรองข้อตกลงการค้าฯ ที่ดำเนินการในระยะเวลาอันสั้น คาดว่าอาจต้องมีการเจรจาปรับปรุงรายละเอียดของข้อตกลงการค้าฯ เพิ่มเติมอีกครั้งในปีนี้ โดยประเมินว่าจีดีพีของสหราชอาณาจักรจะลดลงร้อยละ 2.0 – 2.5 ในปี 2564 เมื่อเทียบกับการอยู่กับสหภาพยุโรป โดยกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญต่อการเจรจาจัดทำความตกลงทางการค้า หรือ FTA ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร โดยได้มีการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการจัดทำ FTA กับสหราชอาณาจักร เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเจรจาในอนาคต