กบร. มีมติขยายมาตรการบรรเทาผลกระทบสายการบิน อีก 1 ไตรมาส หลังโอไมครอนระบาดหนัก ฉุดเที่ยวบิน ผู้โดยสารชะลอตัว
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 1/2565 มีมติเห็นชอบให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินที่ได้ดำเนินการมาจนถึงสิ้นปี 2564 ต่อเนื่องไปอีก 1 ไตรมาส เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นหลัง COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนระบาดหนักจนคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าในช่วงปลายปีกลับชะลอตัวลงอีกเป็นระลอกที่ 5 เร่งระดมมาตรการด้านปฏิบัติการให้เกิดประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายสายการบินอีกทาง พร้อมทั้งนำผลการศึกษาแนวทางของประเทศต่าง ๆ มาปรับปรุงมาตรการให้สามารถช่วยพยุงการดำเนินงานของสายการบินได้เต็มที่ทุกรูปแบบ ประกอบด้วย
1. มาตรการด้านการลดค่าใช้จ่ายของสายการบิน ให้ ทอท. ดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่ายของสายการบินที่ใช้บริการสนามบินของ ทอท. โดยขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน และค่าบริการที่เก็บอากาศยาน ลงอัตราร้อยละ 50 ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ สำหรับสายการบินที่ยังทำการบินอยู่ และยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการที่เก็บอากาศยาน สำหรับสายการบินที่หยุดให้บริการชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565
2. มาตรการทางการเงิน ให้ กพท.ขยายระยะเวลาชำระหนี้ ค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ จาก 15 วันเป็น 90 วัน จนถึงรอบชำระวันที่ 31 มีนาคม 2565 ด้านกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราค่าเช่าสำหรับทุกกิจกรรมในอัตราค่าเช่าไม่ต่ำกว่าที่กรมธนารักษ์กำหนดเป็นระยะเวลา 6 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565) ส่วน ทอท. เลื่อนชำระค่าบริการสนามบิน และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก สำหรับงวดชำระเดือนเมษายน 2564 ถึงเดือนมกราคม 2565 ออกไปงวดละ 9 เดือน และให้ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 12 งวดชำระ
นอกจากมาตรการเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและมาตรการที่เกี่ยวข้องทางการเงินโดยตรงแล้ว ประธาน กบร. ยังมอบนโยบายให้ CAAT ประสานหน่วยงานผู้ให้บริการทั้งภาคพื้นและภาคอากาศ เช่น ทอท. ทย. และผู้ดำเนินการสนามบินทุกราย รวมทั้งบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการเพื่อให้แต่ละเที่ยวบินสามารถลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้สายการบินประหยัดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนหลักได้อีกทางหนึ่ง และให้ CAAT ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพื่อเตรียมมาตรการรองรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์และช่วยสายการบินให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ CAAT มีมาตรการดูแลบุคลากรด่านหน้าทางการบินเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสให้มากที่สุด
กบร. ยังสั่งการให้หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการมาตรการ จัดทำแผนบริหารจัดการกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการ ประมาณการรายจ่าย แหล่งเงินที่ใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการ และประโยชน์ที่จะได้รับตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ทั้งนี้ เพราะจะต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมการบินในช่วงไตรมาสที่ 4/2564 ที่ผ่านมา สถิติจำนวนผู้โดยสารในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเฉลี่ย 6 เท่า โดยจำนวนผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 7 เท่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มการติดเชื้อภายในประเทศลดลง ประกอบกับเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวส่งผลให้การเดินทางภายในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศ มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากไตรมาสก่อนหน้า จากนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews