สินค้าอุตฯอาหารโตดันส่งออกธ.ค.63บวก4.71%
กระทรวงพาณิชย์ เผย สินค้าอุตสาหกรรมอาหารโต ดันส่งออกเดือนธ.ค. บวก 4.71% ทั้งปี 63 ลบน้อยกว่าเป้าที่ 6.01% โควิดไม่กระทบการค้า
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการส่งออกของประเทศในช่วงเดือนธันวาคม 2563 พบว่า การส่งออกมีการพลิกกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้งโดยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.71 คิดเป็นมูลค่า 20,082 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลทำให้การส่งออกในปี 2563 ติดลบอยู่ที่ร้อยละ 6.01 คิดเป็นมูลค่า 231,468 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นตัวเลขการส่งออกที่ติดลบน้อยกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์เคยตั้งไว้ว่าในปีนี้การส่งออกจะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 7 เนื่องจากสินค้าอาหารและสินค้าอุตสาหกรรมมีการปรับฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ทำให้การส่งออกในเดือนธันวาคมพลิกกลับมาเป็นบวก โดยเศรษฐกิจในภูมิภาคมีการปรับฟื้นตัวดีขึ้นส่งผลโดยตรงทำให้การส่งออกของไทยให้ฟื้นตัวตามไปด้วย
ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศ มองว่าไม่ได้กระทบกับการค้าของไทยมากนัก เนื่องจากหลายประเทศที่มีการระบาดรอบใหม่มีบทเรียนจากการระบาดในรอบก่อน โดยไม่ได้มีการปิดล็อกดาวน์ประเทศทั้งหมด จึงไม่กระทบกับภาวะเศรษฐกิจที่รุนแรง ประกอบกับความชัดเจนของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เริ่มทยอยออกมาเป็นปัจจัยบวกทำให้การค้าโลกฟื้นตัว
นางสาวพิมพ์ชนก เปิดเผยว่าจากการส่งออกในช่วงเดือนธันวาคม 2563 ที่พลิกกลับมาเป็นบวกได้ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ที่ร้อยละ 4.71นั้น ทำให้มองว่าการส่งออกของประเทศในปี 2564 จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังทยอยปรับฟื้นตัวดีขึ้น แต่ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 การส่งออกตัวเลขอาจจะยังไม่สูงนักเพราะยังคงได้รับผลกระทบจากหลายตลาดที่การส่งออกยังไม่เต็มที่ช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยตั้งเป้าการส่งออกทั้งปีจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4
แต่อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงการรักษาตลาดการส่งออกไปยังสหรัฐฯที่เวลานี้มีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากประเทศไทยส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯไปทดแทนสินค้าจากประเทศจีน ช่วงสงครามการค้า แต่หลังจากสหรัฐฯมีประธานาธิบดีคนใหม่ การรักษาส่วนแบ่งตลาดอาจทำได้ยากขึ้น เพราะสหรัฐฯอาจไม่ได้กีดกันการค้ากับประเทศจีนสูงเหมือนช่วงการดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของประเทศไทยมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่ : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews