กรอ. เตือน 65,000 โรงงาน รีบส่งข้อมูลการกำจัดของเสียประจำปี ภายใน 1 มีนาคมนี้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท
นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบฐานข้อมูลของ กรอ. พบว่าประเทศไทยมีผู้ประกอบกิจการโรงงานจำนวนมากกว่า 65,000 โรงงาน ทำให้เกิดของเสียอุตสาหกรรมหรือวัสดุไม่ใช้แล้วจากกระบวนการผลิต จำแนกเป็นของเสียอันตราย ประมาณ 1.5 ล้านตัน และของเสียไม่อันตราย ประมาณ 17 ล้านตัน ที่จะต้องได้รับการจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย และผู้ประกอบกิจการโรงงานจะต้องรายงานข้อมูลการผลิต การใช้วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ รวมถึงปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นต่อ กรอ. ภายในวันที่ 1 มีนาคม ของทุกปี
นอกจากนี้ยังพบอีกว่ามีโรงงานอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ส่งรายงานเกี่ยวกับการกำจัดของเสียประจำปี พ.ศ. 2564 ซึ่งมีกำหนดส่งภายในวันที่ 1 มีนาคม 2565 โดยผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศรวมถึงโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม มีหน้าที่ต้องส่งรายงานดังกล่าวตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. โรงงาน ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่ง กรอ. จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ กรอ. อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งประกอบด้วยผู้ก่อกำเนิดของเสีย ผู้รวบรวมและขนส่ง และผู้บำบัดและกำจัดของเสีย สามารถส่งรายงานตามแบบฟอร์มใบแจ้งเกี่ยวกับรายละเอียดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
สำหรับผู้ก่อกำเนิดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (แบบ สก.3) /ใบแจ้งเกี่ยวกับรายละเอียดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว สำหรับผู้รวบรวมและขนส่งสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (แบบ สก.4) / ใบแจ้งเกี่ยวกับรายละเอียดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว สำหรับผู้บำบัดและกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (แบบ สก.5) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ http://iwmb5.diw.go.th/e-license/login.asp หรือส่งเป็นเอกสารได้ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews