พาณิชย์ ยืนยัน โครงการประกันรายได้ไม่มีทุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ เร่งมาตรการคู่ขนานช่วยดูแลอีกทาง
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการสัมมนา “ประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 สินค้า (ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา)” ซึ่งจัดโดย เครือมติชน ว่า พืชเกษตรเป็นพืชที่มีความสำคัญ และเป็นพืชเกษตรฐานรากที่จำเป็นจะต้องรักษา สร้างให้มีความมั่นคงเพราะหากเทียบกับหลายประเทศ แม้มีเงินก็ไม่สามารถที่จะหาซื้อพืชทางการเกษตรได้ โครงการประกันรายได้จึงมีส่วนสำคัญที่สร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เองยังมีมาตรการคู่ขนานเพื่อยกระดับสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น พร้อมทั้ง ผลักดันสินค้าส่งออก นอกเหนือจากการจำหน่ายภายในประเทศ
ทั้งนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมและผลักดันการใช้พืชเกษตรมีมูลค่า เช่น ไบโอพลาสติก ไบโอเคมิคอล ซึ่งสามารถนำไปผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม อย่างเช่น ข้าว ที่นำไปผลิตเครื่องสำอาง เป็นการต่อยอดเชิงพาณิชย์สร้างรายได้ให้เกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่าโครงการประกันรายได้เป็นโครงการที่จ่ายเงินส่วนต่าง มีการโอนเงินให้กับเกษตรกรโดยตรง ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. โอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรง ดังนั้น ให้ความมั่นใจว่าโครงการประกันรายได้ไม่มีการทุจริตอย่างเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ สินค้าเกษตรก็มีทิศทางไปได้ดี มีเทคโนโลยีก็เข้ามาช่วยในการตอบโจทย์ในเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ ทางภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรการคู่ขนานในโครงการประกันรายได้พืช 5 ชนิด ตั้งแต่เริ่มโครงการปีที่ 1 จนถึงปัจจุบัน และอนาคตอาจจะก้าวสู่ปีที่ 4 มาตรการคู่ขนานก็จะยังคงเดินหน้าเพื่อยกระดับราคาให้สูงขึ้น มาตรการคู่ขนานที่เคยดำเนินการและปัจจุบันก็ยังทำอยู่ เช่น สินค้าข้าว ส่งเสริมให้ชาวนาเก็บข้าวในยุ้งฉาง เพื่อลดปริมาณข้าวออกสู่ตลาดที่จะทำให้ราคาข้าวปรับตัวลดลง จะเห็นได้ว่ามีชาวนาเก็บข้าวในยุ้งฉางมีปริมาณ 1.8 ล้านตัน และในปี 2564 ชาวนาเก็บข้าวในยุ้งฉางมากขึ้นอยู่ที่ 2 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาข้าว เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ส่งเสริมให้โรงสีเร่งรับซื้อข้าวมากขึ้นโดยมีมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
มันสำปะหลังก็มีมาตรการส่งเสริมให้ลานมัน โรงแป้ง เร่งซื้อและเก็บไว้ในระยะ 6 เดือน โดยมีการชดเชยดอกเบี้ยให้ พร้อมกันนี้ ยังส่งเสริมให้เกษตรกรที่จำเป็นจะต้องขายหัวมันซึ่งได้ราคาอยู่ที่ 2.50 – 2.70 บาทต่อกิโลกรัม กระทรวงพาณิชย์ก็ส่งเสริม โดยจัดเครื่องสับหัวมันให้กับ สมาชิกวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ 800 เครื่อง ปีนี้ตั้งเป้าจะแจกอยู่ที่ 650 เครื่อง
ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐยังมีมาตรการทางกฎหมายเข้ามาดูแลพืชเกษตร เช่น การขออนุญาตขนย้าย การจำกัด จุดนำเข้า นำผ่าน เพื่อป้องกันการตกหล่นและอาจจะส่งกระทบต่อราคาพืชผลทางการเกษตรของไทย โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม ซึ่งขนส่งผ่านรถยนต์มีการจำกัดนำเข้า 3 จุด สามารถนำเข้าได้ คือ กรุงเทพฯแหลมฉบัง มาบตาพุด การนำผ่านเข้าได้ คือ กรุงเทพฯ ออกได้ 3 จุด เช่น เมียนมา ออกได้ ที่ แม่สอด กัมพูชา ออกได้ที่สระแก้ว สปป.ลาว ออกได้ที่ด่านหนองคาย ซึ่งล้วนเป็นมาตรการทางกฎหมายเข้ามากำกับดูแล
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews