“อนุทิน” รับเตรียมเสนอที่ประชุมศบค. ผ่อนคลายมาตรการ โควิด-19ไม่ให้เข้มงวดจนเกินไป แต่ยังวางใจไม่ได้ รอประเมินสองสัปดาห์หลังสงกรานต์ ชี้เป็นเรื่องปกติที่ยอดติดเชื้อใหม่จะพุ่งขึ้นยัน ยาฟาวิพิราเวียร์ มีเพียงพอ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการรับมือสถานการณ์ โควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์ จะเน้นไปที่การเตรียมพร้อมเวชภัณฑ์ ทางการแพทย์และสถานพยาบาล ให้มีความพร้อมเต็มที่และเน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยที่มี อาการโดยเฉพาะกลุ่ม 608 ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการจะเน้นดูแลแบบรักษาที่บ้าน หรือโฮมไอโซเรชั่น ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการเลยไม่จำเป็นต้องรับยา พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยาฟาวิพิราเวียมีเพียงพอ พร้อมย้ำว่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล เพราะต้องรักษาตามอาการ ตามความรุนแรงของโรค และต้องมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
ทั้งนี้นายอนุทิน ระบุว่าคณะแพทย์ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขได้มีการเสนอให้ผ่อนคลายมาตรการป้องกัน โควิด-19 ไม่ให้เข้มงวดมากจนเกินไป แต่จะต้องมีการเสนอผ่านคณะกรรมการก่อน ส่วนเหตุการณ์นักท่องเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร และในพื้นที่อื่นๆโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยและไม่เว้นระยะห่างนั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลได้มีการเตือนไปแล้ว แต่ละจังหวัดต้องมีความรับผิดชอบ
ทั้งนี้มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีการเสนอให้ที่ประชุม ศบค. ผ่อนคลาย จะมุ่งเน้นไปที่การทำให้ประเทศเดินหน้าในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจการทำมาหากินและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่ต้องไม่กระทบเสี่ยงให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ส่วนกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องตรวจ Rt-Pcr นั้น ส่วนตัวเกรงว่าประชาชนจะตื่นตระหนกต่อความปลอดภัยจึงอยากให้ผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปก่อนแต่ก็เป็นสิ่งที่จะต้องทำในวันนึง ถ้าผ่านไปแล้วไม่มีอะไรที่เกินขีดความสามารถ ก็จะหามาตรการผ่อนคลายให้มากยิ่งขึ้น เพราะอยากให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
ขณะที่แผนการประกาศ โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ในวันที่ 1 กรกฎาคมนั้น นายอนุทินกล่าวว่าตัวเลขปัจจุบันยังไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก และอัตราส่วนต่างๆยังเป็นไปตามหลักสากล พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการประกาศว่าในวันที่ 1 กรกฎาคม โควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นเป็นเพียงแผนที่วางเอาไว้เท่านั้น หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถกะเกณฑ์อะไรได้มาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อม ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศหรือไม่ แต่จะต้องประกาศไปก่อน โดยแต่ละจังหวัดอาจจะมีการกำหนดเกณฑ์ อาทิจำนวนผู้ติดเชื้อเปอร์เซ็นต์ของผู้ฉีดวัคซีนและเวชภัณฑ์ต่างๆ
นอกจากนี้ขอบคุณประชาชน ที่ร่วมมือกันช่วยให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลงซึ่งไม่ทำให้เป็นภาระของระบบสาธารณสุข และเป็นเรื่องปกติที่หลังสงกรานต์จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีการสัญจรไปมาและพบปะ และใกล้ชิดกันมาก จึงเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าเมื่อส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้ว และเชื้อเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร จนเกินขีดความสามารถระบบสาธารณสุขจะรองรับได้ ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่ทั้งนี้ก็จะต้อง ติดตามสถานการณ์ในช่วงสองสัปดาห์หลังสงกรานต์จึงจะสามารถเบาใจได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews