กกร.เผยห่วงเงินเฟ้อ,น้ำมันแพงช็อกเศรษฐกิจ ขอรัฐบาลคงดีเซล 35 บาท อย่างน้อย 3 เดือน เชื่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดถึงสิ้นปี
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประจำเดือนเมษายน ว่า ที่ประชุมประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงมีความอ่อนไหวจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้านโดยเฉพาะสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่มีแนวโน้มยืดเยื้ออย่างน้อยจนถึงสิ้นปี ทำให้เกิดเงินเฟ้อทั่วโลก และหลายประเทศต้องใช้นโยบายการเงินที่มีความเข้มงวดมากขึ้น
โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง IMF ได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกลดลงเหลือร้อยละ 3.6 แน่นอนว่ามีผลต่อความต้องการสินค้าของไทยในตลาดโลกอาจได้รับผลกระทบ
โดย กกร. จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ในการดูแลต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการให้ลดลง และต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยพยุงก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี โดยมาตรการที่จะช่วยในการลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการนั้นอยากให้คงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ไม่เกินลิตรละ 35 บาทออกไปอย่างน้อย 3 เดือน
และขยายเวลาการลดจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร อีกอย่างน้อย 3 เดือนด้วย การพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำจำเป็นต้องพิจารณาตามพื้นที่ให้เหมาะสมกับ ศักยภาพแรงงาน ไม่ควรปรับค่าแรงขึ้นเท่ากันทั่วประเทศ
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเห็นควรให้เร่งเดินหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ให้ได้โดยเร็วที่สุด เป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนเพิ่มกำลังซื้อเข้าระบบเศรษฐกิจ ขยายสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกันและผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจกลางคืนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวดึงเม็ดเงินเข้าประเทศให้มากที่สุดในช่วง High Season
อย่างไรก็ตาม กกร. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.5-4.0 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.0-5.0 และเงินเฟ้ออยู่ในกรอบร้อยละ 3.5-5.5
ทั้งนี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. มีความเป็นห่วง สถานการณ์ค่าเงินบาทที่ อ่อนค่าเวลานี้ อยากให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องดูแลรักษาเสถียรภาพให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมให้มากที่สุด
เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลดีต่อการส่งออกของประเทศ และสนับสนุนการท่องเที่ยว แต่ค่าเงินบาทที่อ่อนเกินไป จะเป็นต้นทุนทำให้มีการนำเข้าสินค้ามีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าพลังงาน น้ำมัน และสินค้าทุน ทำให้การผลิตสินค้าของผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบกับสภาพคล่องของผู้ประกอบการได้
และสำหรับภาคการท่องเที่ยวเวลานี้ หลังการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน คาดว่า ในปีนี้จะอยู่ที่ 6 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมและหลังจากมีความชัดเจน ในเรื่องของการอำนวยความสะดวกต่างๆ เชื่อว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ อาจสูงถึง 8-9 ล้านคน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews