รัฐมนตรีฯคลัง เผย ครม. เห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ระยะเวลา 2 เดือน ส่งผลให้ภาครัฐสูญรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุม คณะรัฐมนตรีวันนี้ (17 พฤษภาคม 2565) เห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ถึง วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงที่ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตามที่มอบหมายให้กรมสรรพสามิตดำเนินมาตรการภาษีเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพและต้นทุนในการประกอบกิจการต่าง ๆ โดยปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 แต่เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบ ทำให้ไม่สามารถตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชนและภาคธุรกิจ
ดังนั้น จำเป็นต้องใช้มาตรการทางภาษีมาช่วยลดระดับราคาขายปลีกของน้ำมันดีเซลไม่ให้สูงจนกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากน้ำมันดีเซลเป็นต้นทุนการผลิตของทุกภาคอุตสาหกรรม จึงปรับลดอัตราภาษีสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท โดยให้อนุพันธ์ของน้ำมันดังกล่าว มีการปรับลดอัตราภาษีตามสัดส่วนเนื้อน้ำมันที่ผสมอยู่
อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการในระยะสั้น และถ้าหากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มคลี่คลาย รัฐบาลยังคงใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกหลักในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยในการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ ส่งผลให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews