ผู้ว่าฯ กทม.ชี้ถึงเวลาลดความขัดแย้งร่วมพัฒนาเมือง ด้านแสนสิริระบุ เลือกตั้งใหม่จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ
ในวงสนทนาเสวนา “Stronger Bangkok ; Stronger Thailand” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เป้าหมายของกรุงเทพมหานคร คือ การดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ด้วยปัญหาพื้นฐานทั้งการแก้ปัญหาน้ำเสีย ขยะ ฝุ่นพิษ มลพิษและน้ำท่วม เพิ่มประสิทธิภาพของเมือง ด้วยการอำนวยความสะดวกลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนของหน่วยงานรัฐให้มากที่สุด และสร้างโอกาสลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ทุกคนเข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรจะได้รับ
ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร จะเปลี่ยนความคาดหวังของประชาชนให้เป็นความร่วมมือกันของคนในพื้นที่ให้มากที่สุด โดยมองว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมมือกันไม่มองถึงความขัดแย้ง แต่ให้มองถึงการสร้างเมืองให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ สามารถรับรู้ถึงปัญหาและมีวิธีการวางแผน รวมถึงระยะเวลาที่ชัดเจนในการแก้ไข
โดยเวลานี้กทม.มีแพลตฟอร์มกลาง (Traffy Fondue) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดรับปัญหาจากคนในพื้นที่ตรงถึงหน่วยงานจึงทำให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เป็นคอขวด ทำได้โดยตรงและรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการสั่งงานจากผู้ว่ากทม. ทำให้ทุกฝ่ายมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นและมีข้อมูลจริงทำให้การแก้ไขทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นจากความร่วมมือของทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคเอกชนซึ่งเป็นเจ้าของงานทางกรุงเทพฯพร้อมที่จะเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนและขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครไปด้วยกัน
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด ( มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาของกรุงเทพมหานครรวมถึงปัญหาของประเทศเวลานี้ที่สำคัญที่สุด มองว่าคือปัญหาปากท้องของประชาชนทำยังไงให้ทุกคนมีกินมีใช้ และสามารถรับมือกับวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ได้ทั้งจากพลังงานและเงินเฟ้อ
ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่ต้องเผชิญแต่ทุกประเทศกำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน แต่การแก้ไขปัญหาเวลานี้มองว่า ผู้นำจะต้องมีความเข้าใจและสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนมีความหวัง มีแผนในการเดินหน้ารับมือที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการเลือกตั้งใหม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เลือกผู้นำเป็นของตัวเองอาจเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศได้ดีที่สุด เพื่อให้ระบบประชาธิปไตยได้ทำงาน ลดความขัดแย้งและสร้างกติกาที่ให้ทุกคนยอมรับได้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันจะทำให้ประเทศไทย ยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจ เป็นอันดับต้นๆในการเลือกลงทุน
และในเวลานี้มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะไม่สามารถลดแรงกดดันของเงินเฟ้อได้แล้วจะเป็นการสร้างภาระต้นทุนให้สูงขึ้นไปอีกและทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากขึ้นจากสินค้าราคาแพงขึ้น
และสำหรับความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครนั้นภาคเอกชน มองความเข้าใจปัญหาและความคิดบวกของผู้ว่ากทม.จะทำให้ การแก้ไขปัญหาทำได้เร็วขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่ายและอยากให้ใช้ประโยชน์จากภาคเอกชนให้ ให้มากขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นบุญคุณให้กลับมาเรียกร้องได้ในอนาคต เพราะเมื่อกรุงเทพฯพัฒนาคนที่ได้ประโยชน์ก็คือภาคเอกชนที่จะสามารถเดินหน้าธุรกิจได้อย่างราบรื่นและเติบโตต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews