เบทาโกรลุยนำหุ้น BTG เข้าเทรด SET 2พ.ย.นี้
“เบทาโกร” เดินหน้าแผนการเสนอขายหุ้น BTG เข้าเทรด SET 2พ.ย.นี้ ที่ 40บาท/หุ้น
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)
เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่สนใจได้ร่วมเป็นเจ้าของและเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนไปกับเบทาโกร ในฐานะบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากลที่มีโมเดลธุรกิจแบบครบวงจร และเป็นผู้นำในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารระดับสูง ก้าวสู่การเป็น World-Class Food & Agro Total Solutions Provider พร้อมกำหนดราคาเสนอขายที่ 40.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวมไม่เกิน 20,000 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) นับเป็น IPO ของหุ้นในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทยและยังมีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้
ทั้งนี้ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั่วโลก โดยมีนักลงทุนสถาบันคุณภาพที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ จำนวนรวม 25 ราย ลงนามในสัญญาลงทุนในหุ้น BTG เพื่อเป็น Cornerstone Investors คิดเป็นประมาณ 77.1% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันในเบื้องต้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เป็นลูกค้าของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์สามารถจองซื้อหุ้นได้ในระหว่างวันที่ 10 – 12 และ 17 ตุลาคม 2565 นี้ และคาดว่าหุ้น BTG จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 2 พฤศจิกายน2565
ด้าน นางศิริวรรณ อินทรกำธรชัย ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารการเงิน บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เบทาโกรสามารถสร้างการเติบโตของรายได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7.3% ต่อปี โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 เบทาโกรมีรายได้รวม 54,193.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยมีรายได้ส่วนใหญ่จากกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 68% ของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ ส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจเกษตร กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 25%, 5% และ 2% ของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการตามลำดับ และสามารถสร้างกำไรสุทธิ 3,892.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.2% โดยเบทาโกรมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดคิดเป็น 233.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
เป็นผลจากการเติบโตจากทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน 2) กลุ่มธุรกิจเกษตร ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์ Agro Total Solution และการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบหลัก 3) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เติบโตขึ้นตามราคาขายอาหารสัตว์และราคาขายสัตว์ที่มีชีวิตในกัมพูชาและลาวที่สูงขึ้นตามราคาตลาด 4) กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งราคาและปริมาณการขายอาหารสัตว์เลี้ยง
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ เบทาโกรวางแผนที่จะเงินไปลงทุนเพื่อการเข้าซื้อ และ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ประมาณ 8,000 ล้านบาท การปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินระยะสั้นและ/หรือระยะยาวให้แก่สถาบันการเงินประมาณ 8,960 – 10,500 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน ไม่เกิน 1,021 ล้านบาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews