ปัจจัยในหลายหลายด้านของเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้าโดยเฉพาะการขยายตัวในปี 2565 ยังคงมีความเสี่ยงสูงทั้งจากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น
จากประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งล่าสุดที่ผ่านมามีการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 2565 ซึ่งนานาประเทศก็ให้ความกังวลและเป็นห่วงเรื่องเงินเฟ้อที่จะกดดันทำให้ภาวะเศรษฐกิจถอยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในระยะข้างหน้า
โดยนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 2565 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 – 13 ตุลาคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 ประจำปี 2565
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แสดงความเห็นต่อที่ประชุมว่า ความท้าทายของเศรษฐกิจโลกปัจจุบันคือการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงาน รวมถึงภาวะเงินเฟ้อซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โดยภาครัฐควรใช้นโยบายการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งได้แสดงความเห็นสนับสนุนการดำเนินการของ G20 เรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ
ซึ่งประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งสาธารณูปโภค ระบบขนส่งและดิจิทัล รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเสริมสร้างขีดความสามารถ
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ยังได้ออกมาคาดเศรษฐกิจโลกปีหน้าขยายตัวได้ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 2.7 ขณะที่ไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.7 โดยการปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ เงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูง, วิกฤตค่าครองชีพ, การเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก, การแพร่ระบาดของโควิด-19, ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เริ่มทวีความรุนแรงต่อเนื่อง
และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อเศรษฐกิจในทุกทวีปทำให้มองได้ว่าการขยายตัวเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีความเสี่ยงที่จะชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และเติบโตต่อในปีหน้า คาดเป็นโอกาสให้ Fund Flow จากต่างชาติยังสนับสนุนหุ้นไทยต่อเนื่องในระยะข้างหน้า
จากนี้คงต้องมาติดตามว่าประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก พี่จะมีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนกับอย่างประเทศไทยมากขึ้นส่งผลให้การเติบโตดีขึ้นได้ในปีหน้า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews