“จุรินทร์” เผยน้ำท่วมช่วงสั้นยังไม่มีผลกระทบส่งออกสินค้าเกษตร เร่งดูแลคนในประเทศสินค้าต้องไม่ขาด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่เวลานี้ ถือเป็นปัจจัยกระทบระยะสั้นที่ไม่ได้ส่งผลต่อการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศอย่างแน่นอน ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศนั้น กระทรวงพาณิชย์ มีความเป็นห่วงประชาชนจึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยอธิบดีกรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ได้ลงพื้นที่สำรวจสต๊อกสินค้าและราคาทุกวัน ตรวจติดตาม ตรวจสอบศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ ให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ และจัดจุดจำหน่ายสินค้าให้กระจายอย่างทั่วถึง โดยจะใช้งบกลางในการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชนทั่วประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมีการหารือกับห้างค้าปลีก ขอความร่วมมือในการสต๊อกสินค้าในช่วงเวลานี้ให้พร้อม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมกับได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า จัดโปรโมชันลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งสินค้าหลายรายการมีราคาถูกลงอย่างต่อเนื่องต่อเนื่อง
สำหรับผักสด บางชนิดมีราคาลดลง บางชนิดมีราคาเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากฝนตกหนัก น้ำท่วม จึงมีความเสียหายบ้างและมีปริมาณผักเข้าสู่ตลาดน้อยลง เช่น ต้นหอม ผักชี ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมบ้าง แต่ผักอื่น ๆ เช่น ผักกาดขาว ราคาต่ำกว่าปีก่อน กะหล่ำปลี ราคาใกล้เคียงปีก่อน แต่ภาพรวม ผักสดไม่มีปัญหาทั้งด้านราคาและปริมาณ โดยสินค้ายังเข้าสู่ตลาดเป็นปกติ ไม่มีปัญหาขาดแคลน ขอให้มั่นใจว่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจะไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน ซึ่งหรือหากเห็นสัญญาณว่าจะมีปัญหา ก็มีแผนรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉินไว้แล้ว
สำหรับการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบกลางให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินโครงการ “พาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย” วงเงิน 422 ล้านบาท จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัดแก่ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ และหากประชาชนพบเห็นการกักตุนสินค้าหรือขายสินค้าโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ถ้าตรวจสอบพบมีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร หรือมีการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
