YLG เผย ราคาทองคำพลิกสู่ขาขึ้น จาก 2 ปัจจัยบวก เฟดขึ้นดอกเบี้ยน้อยลง-ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองเพิ่ม 115%
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกเริ่มกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้น หลังจากที่เคลื่อนไหวแกว่งตัวลงในช่วงก่อนหน้าโดยในเดือน ธ.ค.นี้ ได้มีการพลิกเทรนด์มาสู่สัญญาณขาขึ้น ราคาทองคำได้ขึ้นไปทะลุ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไร
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นมาของทองคำในครั้งนี้ถือว่าน่าจับตาเพราะเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก ซึ่งการปรับขึ้นของทองคำในรอบนี้นักวิเคราะห์ต่างประเทศได้คาดการณ์ว่าจะเป็นการปรับขึ้นในระยะยาว
อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของทองคำในรอบนี้ มาจาก 2 ปัจจัยบวกสำคัญ ประกอบด้วย 1. การประกาศสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในการประชุมช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ลดลงจากครั้งก่อนที่ปรับขึ้น 0.75%
นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้อาจจะได้เห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรที่แบกรับมากขึ้น สำหรับปัจจัยที่ 2 คือ ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มสะสมทองคำ ล่าสุด สภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 400 ตันในไตรมาสที่ 3 หรือเพิ่มขึ้น 115% จากไตรมาสก่อน ถือเป็นการเข้าซื้อภายในไตรมาสเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่สภาทองคำโลก มีการเริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2543
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้นแม้ทิศทางทองเป็นบวก แต่ในช่วงเดือนพ.ย. ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก จึงต้องระวังการพักตัวเพื่อสะสมกำลังเป็นระยะ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวในระยะสั้นบริเวณ 1,810-1,766 ขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 29,100-29,900 บาท อย่างไรก็ตาม จะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า จึงต้องเน้นทำกำไรในระยะสั้น พร้อมติดตามข่าวสารประกอบการลงทุนอย่างใกล้ชิด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews