Home
|
เศรษฐกิจ

สกนช.เผยกองทุนน้ำมันฯติดลบเหลือ8.5หมื่นล้าน

Featured Image
สกนช.เผยครึ่งปีงบประมาณ 2566 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบเหลือ 8.5 หมื่นล้านบาท จากเคยสูงสุด 1.3 แสนล้านบาท ลุ้นดีเซลลดเพิ่มหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย

 

 

 

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566) ว่า กองทุนฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นปีงบประมาณฯ ฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเคยติดลบสูงสุดเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ 1.3 แสนล้านบาท ได้ทยอยปรับลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือนเมษายน 2566 ติดลบเหลือ 8.5 หมื่นล้านบาท

 

 

โดยสภาพคล่องของกองทุนฯที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มคลี่คลายโดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยรายเดือนเฉลี่ยลดลง จากช่วงต้นปีงบประมาณเดือนตุลาคม 2565
ที่ 91.13 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดมาเหลือ 78.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2566

 

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากกระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้สามารถดำเนินการกู้ยืมเงินได้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มลดลง ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มเรียกเก็บเงินเข้าและมีสภาพคล่องมากขึ้น จนสามารถลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไป 4 ครั้ง ๆ ละ 0.50 บาทต่อลิตร

 

 

ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจาก 34.94 บาทต่อลิตร เป็น 32.94 บาทต่อลิตรหรือประมาณ 33 บาทต่อลิตร และมีโอกาสปรับลดลงได้อีกตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก หากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบที่จะถึงนี้

 

 

ในด้านความคืบหน้าของการกู้ยืมเงินเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ นั้น สกนช. ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในการกู้ยืมเป็นจำนวน 1.5 แสนล้านบาท โดยบรรจุเป็นหนี้สาธารณะของประเทศไปแล้ว 1.1 แสนล้านบาท ปัจจุบัน สกนช. ทำการกู้ยืมไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท และในเดือนเมษายน 2566 จะทำการกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยทำการกู้ยืมเงินตามสภาพคล่องและความจำเป็นของกองทุนฯต่อไป ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่มหากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงและไม่ผันผวน รวมถึงต้องรอดูนโยบายในการดูแลราคาน้ำมันของรัฐบาลใหม่ ว่าเป็นอย่างไร จำเป็นต้องใช้เงินจากกองทุนฯ เพิ่มหรือไม่

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube