สศอ. เผยเศรษฐกิจไทยฟื้น หนุนดัชนี MPI เดือนมี.ค. 2566 ขยายตัวร้อยละ 5.47 ชี้การท่องเที่ยวในประเทศคึกคัก ดันความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมีนาคม ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 104.65 ขยายตัวร้อยละ 5.47 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 66.06 ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาสแรก ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 101.07 ขยายตัวร้อยละ 7.40
เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากเศรษฐกิจในประเทศทยอยปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ ทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ประกอบกับประเทศ คู่ค้าหลักหลายประเทศยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง ส่งผลต่อความต้องการซื้อจากต่างประเทศชะลอตัว
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีในเดือนมีนาคม ปี 2566 ได้แก่ รถยนต์ ขยายตัวร้อยละ 8.18 จากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นในรถยนต์หลายรุ่น ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มขึ้น การกลั่นน้ำมัน ขยายตัวร้อยละ 6.15 จากการผลิตน้ำมันเครื่องบิน และแก๊สโซฮอล์ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มากขึ้น และเครื่องปรับอากาศ ขยายตัวร้อยละ 7.09 จากความต้องการของตลาดส่งออกไปกลุ่มประเทศอาเซียน และการเร่งส่งมอบเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กตามความต้องการของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สศอ. ได้คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนเมษายน ปี 2566 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยภายในประเทศฟื้นตัวตามการบริโภคและการท่องเที่ยว การลงทุนที่เพิ่มขึ้น ภาคก่อสร้างขยายตัวส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว และส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นในระยะต่อไป
สำหรับปัจจัยภายนอก อุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญมีทิศทางปรับตัวขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น และจีน หลังเปิดประเทศ ภาคการส่งออกยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของหลายประเทศ รวมถึงสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อ และการลดกำลังการผลิตน้ำมัน
“นอกจากนี้ สศอ. ยังได้ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเชิงลึกเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรม พบว่าอุตสาหกรรม Hard Disk สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย ถุงมือยาง เหล็กและเหล็กกล้า เฟอร์นิเจอร์ไม้ และเม็ดพลาสติก มีแนวโน้มการผลิตและส่งออกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สศอ. ได้กำหนดจัดสัมมนากลุ่มย่อย (Focus Group) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 เพื่อให้ทราบปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงและหาแนวทางมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมดังกล่าวในระยะต่อไป” นางวรวรรณ กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนมีนาคม 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.18 จากรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่มีการขยายตัวในตลาดส่งออก หลังได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในรถยนต์บางรุ่นมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.15จากผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นหลัก เพื่อใช้ในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นทั้งทางอากาศและการขนส่งทางบกหลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
เครื่องปรับอากาศ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.09 จากความต้องการของตลาดส่งออกไปกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมถึงการเร่งส่งมอบให้กับประเทศคู่ค้าตามความต้องการเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.06 จากผลิตภัณฑ์ยางแท่งเป็นหลัก เพื่อรองรับการส่งออก โดยได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศจีนมากขึ้น ประกอบกับฐานต่ำในปีก่อน
น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.58 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ โดยในปีนี้มีปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมาก จึงเร่งผลิตเก็บเป็น สต๊อกเพื่อรอจำหน่าย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews