อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผย ไทยใช้สิทธิ FTA ส่งออกสูงต่อเนื่อง 2 เดือนมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ อาเซียนยังครองแชมป์อันดับ 1
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ในช่วง2เดือนแรกของปี 2566 ว่า จาก FTA จำนวน 12 ฉบับ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯรวม 11,819.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ สูงถึงร้อยละ 74.52
ถึงแม้การใช้สิทธิฯจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่ผู้ประกอบการไทยยังคงสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการค้าด้วยการใช้สิทธิ FTA ส่งออกสินค้าต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการส่งออกได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความต้องการซื้อสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนที่เริ่มเปิดประเทศหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ทั้งนี้ สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงจากหลายกรอบความตกลงฯ ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน และน้ำตาล (กรอบอาเซียน) ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง และทุเรียนสด (กรอบอาเซียน-จีน) รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) และรถยนต์ขนส่งบุคคลขนาด 2,500 cc ขึ้นไป (กรอบไทย-ออสเตรเลีย)
โดยกรอบความตกลง FTA ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงสุด คือ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน มีมูลค่า 4,685.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 72.86 โดยเป็นการใช้สิทธิส่งออกไปอินโดนีเซียสูงสุด มูลค่า 1,338.74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มาเลเซีย มูลค่า 1,163.97 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เวียดนาม มูลค่า 999.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ มูลค่า 735.02 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมา คือ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มีมูลค่า 2,860.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 86.53 โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิฯ
อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง ทุเรียนสด สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง ผลไม้สด (ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ ฯลฯ) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มีมูลค่า 1,070 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 79.21 โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิฯ อาทิ เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง เนื้อไก่แช่เย็นจนแข็ง เดกซ์ทรินและโมดิไฟด์สตาร์ช กุ้งปรุงแต่ง กระสอบและถุงทำด้วยโพลิเมอร์ของเอทิลีน
สำหรับความตกลง RCEP ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 มีการส่งออกไปยัง 10 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา มีมูลค่าการใช้สิทธิฯรวม 195.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว ร้อยละ 452.24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้ความตกลง RCEP อาทิ น้ำมันหล่อลื่น ปลาทูน่ากระป๋อง มันสำปะหลังเส้น หัวเทียน และ ผงสิ่งทอ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews