อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผย ไทย-ชิลี ปรับความตกลงFTAอำนวยความสะดวกการออกหนังสือรับรองC/O คาดใช้ได้ปลายปีนี้
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการค้าเสรีไทย-ชิลี (FTC) ครั้งที่ 4 ภายใต้ FTA ไทย-ชิลี เพื่อหารือการปรับแก้ไขข้อบทของ FTA ไทย-ชิลี เกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin หรือ C/O) ว่า ได้เห็นชอบการยอมรับ C/O ภายใต้ FTA ไทย-ชิลี หรือ Form TC ที่พิมพ์จากไฟล์รูปแบบ PDF เป็นหนังสือรับรองต้นฉบับที่ใช้ทดแทนฉบับจริงในการขอใช้สิทธิฯ ได้ จากเดิมที่ผู้นำเข้าปลายทางจะต้องใช้ Form TC ฉบับจริงแบบกระดาษจากผู้ส่งออกเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อผู้ส่งออกไทยได้รับ Form TC จากกรมการค้าต่างประเทศ จะไม่จำเป็นต้องส่งฟอร์มกระดาษให้ผู้นำเข้าปลายทางที่ชิลี แต่สามารถสแกนเป็นไฟล์ PDF ส่งไปให้ผู้นำเข้าพิมพ์เอง เพื่อยื่นต่อศุลกากรเพื่อขอใช้สิทธิฯได้ นับเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศในการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ไทย-ชิลีที่เพิ่มเติมจากการใช้ลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (ESS) แทนการลงลายมือชื่อและตราประทับแบบสดลงใน Form TC ที่กรมการค้าต่างประเทศได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564
นอกจากนี้ ไทยและชิลีได้เห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรในการพิจารณากฎถิ่นกำเนิดสินค้าและการออก Form TC จากฉบับปี HS2012 เป็นฉบับปี HS2022 เพื่อให้สอดคล้องกับพิกัดศุลกากรของเอกสารทางการค้าอื่น ๆ ที่ใช้ในปัจจุบันแล้ว โดยขณะนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อให้การแก้ไขความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในช่วงปลายปี 2566 นี้
อย่างไรก็ตาม FTA ไทย-ชิลี ถือเป็นความตกลงที่สำคัญของไทยในการส่งออกไปยังตลาดอเมริกาใต้ และเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าวัตถุดิบหลายชนิด โดยตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 ซึ่งเป็นปีที่ 8 ของการบังคับใช้ความตกลง FTA ไทยและชิลีได้มีการลดภาษีสินค้าที่ระบุในความตกลงฯ เป็น 0% ทุกรายการแล้ว โดยในปี 2565 ไทยและชิลีมีมูลค่าการค้าระหว่างกันประมาณ 45,000 ล้านบาท เป็นการส่งออก 18,500 ล้านบาท และนำเข้า 26,500 ล้านบาท สำหรับการส่งออกได้มีการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ในการลดภาษีเต็ม 100 %
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
