กต. เผย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ประสานแรงงานจังหวัดแจ้งครอบครัวผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต เหตุโจมตีใน อิสราเอล แล้ว พร้อมช่วยเหลือติดตามสิทธิประโยชน์ และส่งศพผู้เสียชีวิตกลับ
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงกรณีแรงงานไทยใน อิสราเอล เสียชีวิต 2-ราย และบาดเจ็บ 8 ราย จากเหตุระเบิดการโจมตีด้วยจรวด ของกลุ่มฮามาสที่นิคมเกษตรกรรม (โมชาฟ) Ohad ใกล้ฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยมากที่สุด นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตย์ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้
โดยในส่วนของผู้เสียชีวิตที่เป็นแรงงานชายไทย 2 ราย นั้น นางสาวพรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานว่าสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานกับแรงงานจังหวัดในประเทศไทย เพื่อแจ้งครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ จะประสานเรื่องข้อมูลผู้เสียชีวิต กระบวนการส่งศพผู้เสียชีวิต ตลอดจนติดตามสิทธิประโยชน์รวมทั้งเงินชดเชยที่ผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพึงได้รับจากสถาบันประกันแห่งชาติ อิสราเอล (National Insurance Institute) ของอิสราเอล ต่อไป
สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอาการสาหัส 2 ราย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 6 ราย ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล Soroka เมือง Beer Sheva บางส่วนอาการดีขึ้นมาก จึงได้รับการอนุญาตให้เดินทางกลับที่พักแล้ว ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้โทรศัพท์หาผู้บาดเจ็บและสามีของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยแสดงความเสียใจที่ได้รับบาดเจ็บ และอวยพรให้ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว พร้อมขอให้มีขวัญและกำลังใจเพื่อผ่านอุปสรรคในครั้งนี้
และเมื่อวันที่ เมื่อวานนี้ นาย Alon Schuster รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรอิสราเอล รวมถึงนาย Gilard Cohen รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ได้โทรศัพท์ถึงเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตและบาดเจ็บ ของแรงงานไทย โดยทางการอิสราเอล พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมย้ำว่าทางการอิสราเอลใช้มาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยแก่คนต่างชาติเช่นเดียวกับชาวอิสราเอล
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news