อิสราเอลประกาศชัยชนะ ในกาซ่าตอนเหนือ-ตายรวม1.2หมื่น
อิสราเอลประกาศชัยชนะ ในกาซ่าตอนเหนือ ชาวปาเลสไตน์ กว่า 5 หมื่น ต้องอพยพลงใต้ต่อเนื่อง ขณะมีผู้เสียชีวิตรวมเกือบ 1.2 หมื่นราย
สำนักข่าวต่างประะทศ รายงานว่า กองทัพอิสราเอลประกาศชัยชนะ เหนือนักรบฮามาส เข้าควบคุมทางตอนเหนือของฉนวนกาซาได้แล้ว และชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนอพยพหลบหนีไปยังฉนวนกาซาตอนใต้เพื่อควสามปลอดภัย
พล.ร.ต.ดาเนียล ฮาการี กล่าวว่า กลุ่มฮามาสสูญเสียการควบคุม และยังคงสูญเสียการควบคุมทางตอนเหนือต่อ เราเห็นชาวกาซา 50,000 คน เคลื่อนตัวจากฉนวนกาซาตอนเหนือไปทางทิศใต้ พวกเขากำลังเคลื่อนไหวเพราะพวกเขาเข้าใจว่ากลุ่มฮามาสสูญเสียการควบคุมทางตอนเหนือ
หน่วยงานของสหประชาชาติที่ช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ UNRWA กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการเปิดทาง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้คนอย่างน้อย 40,000 คน ได้ย้ายไปทางใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เดินเท้า โดยเจ้าหน้าที่UNRWA กล่าวว่าสิ่งเหล่านี้รวมถึงเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ซึ่งหลายคนมีข้าวของเพียงไม่กี่ชิ้น องค์การสหประชาชาติและกลุ่มช่วยเหลืออื่นๆ กำลังจัดหาน้ำ และอาหารที่ให้พลังงานสูงให้พวกเขาทางใต้ของเส้นแบ่งเหนือและใต้ โดยสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ในภาคเหนือ ซึ่งอยู่นอกเหนือการส่งมอบความช่วยเหลือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ อิสราเอลเปิดฉากตอบโต้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 ราย ที่ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และฮามาสยังจับคนเป็นตัวประกันได้ประมาณ 240 คนสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ในโลกตะวันตกได้กำหนดให้กลุ่มฮามาส เป็นองค์กรก่อการร้าย
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ที่ดำเนินการโดยกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ระบุว่าการโจมตีของอิสราเอลได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 10,500 ราย โดย 2 ใน 3 เป็นผู้หญิงและเด็ก ไม่มีวิธีใดที่จะตรวจสอบตัวเลขเหล่านั้นได้อย่างอิสระ แม้ว่าสหประชาชาติ จะกล่าวว่าตัวเลขของกระทรวงมีความน่าเชื่อถือก็ตาม
อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติ เตือนถึงความแออัดยัดเยียดในฉนวนกาซาตอนใต้ที่มีที่พักพิงไม่เพียงพอ ไม่สามารถรองรับผู้มาใหม่ได้ ประมาณ 2 ใน 3 ของประชากร 2.3 ล้านคนในกาซา ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นและพวกเขาต้องเผชิญกับสภาพสุขอนามัยที่ย่ำแย่ลง ตลอดจนการขาดแคลนน้ำและเชื้อเพลิง โดยที่ศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งใน Khan Younis
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น 22,000 คน ด้านองค์การอนามัยโลก ระบุเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในฉนวนกาซา อาจมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโรคติดเชื้อ เนื่องจากศพที่เน่าเปื่อย ภายใต้ซากปรักหักพัง สุขภาพ ระบบน้ำ และสุขาภิบาล หยุดชะงักอย่างรุนแรง อาการท้องร่วงในเด็กเล็กมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ สหประชาชาติกล่าวว่าชาวต่างชาติ และบุคคลสองสัญชาติประมาณ 600 คน ออกจากฉนวนกาซาผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ ที่ติดกับอียิปต์เมื่อวันอังคาร รัฐบาลฟิลิปปินส์ กล่าวว่าชาวฟิลิปปินส์ประมาณ 40 คนกำลังเดินทางกลับบ้าน ส่วนประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่าชาวยูเครนกลุ่มแรกที่หนีออกจากฉนวนกาซานั้นปลอดภัยในอียิปต์ พร้อมด้วยพลเมือง 36 คนจากมอลโดวาที่อยู่ใกล้เคียง
นายโวลเกอร์ เติร์ก กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งอยู่ที่ทางแยกราฟาห์ กล่าวว่าขอเรียกกาซ่าว่า “ประตูสู่ฝันร้ายที่มีชีวิต การลงโทษพลเรือนปาเลสไตน์ โดยอิสราเอลโดยรวมถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เช่นเดียวกับการบังคับอพยพพลเรือนอย่างผิดกฎหมาย” นอกจากนี้ เขายังประณามการกระทำของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย โดยระบุการโจมตีของผู้ก่อการร้ายและการจับกุมตัวประกันถือเป็นอาชญากรรมสงครามเช่นกัน
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ จี 7 ออกแถลงการณ์ร่วม สนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตนเอง และเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมเป็นการชั่วคราว และอนุญาตให้มีความช่วยเหลือเข้าถึงพลเรือนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า แต่นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าผู้ที่เรียกร้องให้หยุดยิงทันที มีหน้าที่ต้องอธิบายวิธีจัดการกับผลลัพธ์ที่ยอมรับไม่ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews