โคราชพบโควิดเพิ่มรวดเดียว 12 ราย ที่อำเภอประทาย หวั่นเป็นคลัสเตอร์ใหม่ สั่งปิด 3 หมู่บ้าน สกัดเชื้อแพร่
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 22 ราย ตรวจพบผู้ป่วยที่ อ.ประทาย 12 ราย, อ.เมือง 4 ราย, อ.ครบุรี 1 ราย ,อ.วังน้ำเขียว 1 ราย และ อ.ด่านขุนทด 4 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อมูลทางระบาดเพิ่มเติม ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ เพิ่มสูงเป็น 837 ราย หายป่วย 607 ราย รักษาตัวอยู่ 222 ราย เสียชีวิตสะสม 8 ราย
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในวันนี้นั้น ปรากฏว่าเกิดคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นที่อำเภอประทาย โดยผู้ติดเชื้อรายที่ 814 เป็นชายไทย อายุ 47 ปี ชาวบ้านในตำบลหันห้วยทราย มีประวัติเดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง แล้วกลับมาประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ผู้ป่วยมีมนุษย์สัมพันธ์ดีและมีเพื่อนฝูงจำนวนมาก ได้มีกิจกรรมเล่นการพนันและกินเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนฝูงที่บ้านพักด้านหลังสถานีบริการน้ำมันซึ่งปิดให้บริการชั่วคราว รวมทั้งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวโดยมิได้มีการป้องกันแต่อย่างใด
โดยวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2564 เริ่มมีอาการป่วยไข้ ก่อนยืนยันผลตรวจพบเชื้อวันที่ 18 พฤษภาคม จากนั้นจึงติดตามกลุ่มเสี่ยงสูงมาตรวจหาเชื้อ 22 ราย พบผู้ติดเชื้อ 12 ราย รอผล 10 ราย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา จึงได้มติปิด 3 หมู่บ้าน คือ บ้านหันห้วยทราย หมู่ 1 บ้านหนองช่องแมว หมู่ 2 และบ้านชลประทาน หมู่ 9 ตำบลหันห้วยทราย อำเภอประทาย มีประชากรรวม 1,927 คน เพื่อจำกัดพื้นที่และควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอประทาย ได้ลงพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือชาวบ้านให้กักตัวเองอยู่กับบ้าน ห้ามเข้าและออกจากหมู่บ้านโดยเด็ดขาด มีกำหนด 14 วัน โดยจัดเวรยามดูแลตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และอาจพิจารณายกเลิกคำสั่งได้ก่อนกำหนดหากสามารถควบคุมโรคได้ ทั้งนี้ กรณีที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าหรือออกจากพื้นที่ ให้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news