พังงา พบผู้ป่วยโควิดใหม่ 21 ราย ขณะกลุ่มนักเรียนศาสนากลับจากปัตตานีโครงการรับลูกหลานกลับบ้าน
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ระลอกเมษายน 2564 โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดจังหวัดพังงามีผู้ป่วยสะสมรวม 383 ราย วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 21 ราย เป็นเด็กผู้ชาย 14 ราย เด็กผู้หญิง 7 ราย ทั้งหมดเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนโรงเรียนจงรักสัตย์วิทยา จังหวัดปัตตานี ซึ่งเดินทางกลับมาเพื่อรักษาตัวในจังหวัดพังงา ตามโครงการรับลูกหลานชาวพังงากลับมารักษาตัวที่บ้าน ซึ่งจังหวัดพังงาได้เปิดโครงการนี้ขึ้นเพื่อจะได้ดูแลพี่น้องชาวพังงาที่มีความยากลำบากในการอยู่อาศัยและรักษาตัวอยู่ในจังหวัดอื่น จะได้กลับมาบ้านเกิด โดยทุกคนจะต้องดำเนินการตามมาตรการของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพังงาอย่างเคร่งครัด
สำหรับโครงการรับลูกหลานชาวพังงากลับบ้าน มีผู้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพ 1 ราย ปทุมธานี 4 รายกลุ่มนักเรียนศาสนาเดินทางกลับมาจากโรงเรียนจงรักสัตย์วิทยา จังหวัดปัตตานี 59 ราย พบผู้ป่วยแล้ว 33 ราย มีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน-วันที่ 11 กรกฎาคม 2564 รวม 383 ราย ผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 322 ราย เสียชีวิต 1 ราย กำลังรักษา 48 ราย รับผู้ป่วยจากต่างจังหวัด 33 ราย ในพื้นที่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 วันต่อเนื่อง
พุ่งไม่หยุด ! โคราชป่วยโควิดรายใหม่ 125 ราย เกินครึ่งมาจากจังหวัดเสี่ยงสูง และเสียชีวิตเพิ่มอีกราย
ศูนย์โควิด 19 โคราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดฯ ว่า พบผู้ป่วย โควิด รายใหม่อีก 125 ราย กระจายตรวจพบใน 27 อำเภอจากทั้งหมด 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมมากถึง 2,117 รายแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 1,096 ราย ยังรักษาตัวอยู่ 998 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 23 ราย
โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดของจังหวัด เป็นผู้ป่วยโควิด19 ลำดับที่ 1,093 เป็นหญิงอายุ 70 ปี ชาว ต.ตะเคียน อ.ด่านขุนทด เป็นผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวหอบหืด เข้ารักษาตัวที่ รพ.ด่านขุนทดในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 และผลตรวจพบติดเชื้อโควิด 19 จึงส่งรักษาต่อที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา จนวันที่ 11 กรกฎาคม 2564 อาการไม่ดีขึ้น และได้เสียชีวิตลงในเวลา 23.40 น. ทางจังหวัดฯ ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย
ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ 125 ราย มาจากพื้นที่เสี่ยงสูง จำนวน 63 ราย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ อยุธยา ลพบุรี และ จ.สระบุรี นอกนั้น เป็นผู้ป่วยโควิดที่รับจากพื้นที่เสี่ยงสูง จ.สมุทรปราการ กลับมารักษาในภูมิลำเนาจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 4 ราย และเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด 55 ราย กับยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคอีก 3 ราย
ทั้งนี้ มีผู้ป่วยโควิดที่มีภูมิลำเนาที่จ.นครราชสีมา แต่ไปอยู่ในพื้นที่อื่นแล้วไม่มีเตียงรักษา ได้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาปรึกษาผ่านทางสายด่วนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา วันนี้ จำนวน 30 ราย รวมยอดติดต่อสะสมตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2564 ถึงปัจจุบัน เป็นจำนวน 497 ราย
จังหวัดชลบุรีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 399 ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยง 1,525 ขณะค้นหาเชิงรุกเบื้องต้นกว่าพันคน
วันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ จำนวน 399 ราย
1. ตรวจเชิงรุก ตลาดรัตนากร อำเภอศรีราชา 37 ราย
2. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (บุคคลใกล้ชิด) 20 ราย
3. โรงน้ำแข็งภูพาน ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง 11 ราย (ตรวจซ้ำครั้งที่ 2)
4. โรงน้ำแข็งห้วยยายจีน ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง 10 ราย (ตรวจซ้ำครั้งที่ 2)
5. ตรวจเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ชุมชนผู้ใช้แรงงานชาวไทย หมู่ 4 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา 9 ราย
6. อาชีพเสี่ยงพบปะผู้คนจำนวนมาก 8 ราย
(พนักงานบริการ, ค้าขาย)
7. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (ร่วมวงสังสรรค์) 2 ราย
8. บุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย
9. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน เชื่อมโยง Cluster แคมป์ ก่อสร้าง บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) 2 ราย
10. เก็บตกเชิงรุก Cluster ชุมแพหมูกระทะ อำเภอบางละมุง 3 ราย
11. Cluster สถานประกอบการแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านบึง 3 ราย
12. เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง จังหวัดปทุมธานี 2 ราย
13. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง กทม. 2 ราย
14. บริษัท แม็กซีส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดระยอง 2 ราย
15. บริษัท Bridgestone Specialty Tire Manufacturing Thailand จังหวัดระยอง 1 ราย
16. บริษัท วอสเซน เมนูแฟคเจอร์ จังหวัดระยอง 1 ราย
17. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
17.1 ในครอบครัว 111 ราย
17.2 จากสถานที่ทำงาน 67 ราย
18. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน (ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนโรค) 43 ราย
19. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 63 ราย
วันนี้ได้รับรายงานการค้นหาผู้สัมผัสทั้งหมดจำนวน 1,525 ราย, ค้นหาเชิงรุกเบื้องต้น จำนวน 1,259 ราย
นครศรีฯ เร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก หลังพบ คลัสเตอร์ร้านตัดผม ในชุมชนมุสลิม ขณะ 7 รพ. รับผู้ป่วย จากกทม. กลับมารักษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาเคียน อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช เข้าปฏิบัติการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในชุมชนชาวไทยมุสลิม ท้องที่ตำบลนาเคียน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยใช้สถานที่โรงเรียนบ้านนาเคียนเป็นจุดรวมและเก็บตัวอย่างเชื้อ หลังจากพบว่ามีคลัสเตอร์เกิดใหม่ที่ถูกเรียกว่า “คลัสเตอร์บังซีสบาเบอร์” เนื่องจากพบว่าช่างตัดผมได้ติดเชื้อโควิด 19 และแพร่เชื้อไปยังผู้ใกล้ชิดจำนวนหนึ่งแล้ว
โดยยังไม่ทราบว่ามีต้นเชื้อมาจากที่ใด หลังจากพบเชื้อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งพบว่ากระจายออกไปในวงกว้างนับร้อยราย ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้าใช้บริการและไปสัมผัสต่อเนื่อง โดยยังไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อหรือการแพร่กระจายหรือไม่ โดยผลในการตรวจตัวอย่างในวันนี้ จะไปทราบในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 หากพบว่ามีการแพร่กระจายการติดเชื้อมากขึ้น จะเข้าสู่มาตรการในการคุมพื้นที่
สำหรับผู้ที่ติดเชื้อล่าสุด ในจังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่ามีแนวโน้มที่ลดลง แต่มีตัวเลขที่เข้ารักษาเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ไม่มีเตียงเข้ารับการรักษาจึงเดินทางกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด ตามโครงการกลับบ้านมารักษาตัว ของนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเปิดพื้นที่ใน 7 โรงพยาบาล เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เดินทางกลับบ้านมารักษาตัวโดยเฉพาะ
โดยขณะนี้มีผู้ที่เดินทางกลับมารักษาตัวแล้ว กว่า 200 ราย โดยมีรายงานว่าในวันนี้มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบราย
ผู้ว่าปทุมฯ ช่วยหญิงท้องแก่ติดโควิด 2 ราย เตรียมตั้งศูนย์วิดีโอคอลเซ็นเตอร์ปรึกษาอาการป่วย
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เตรียมเปิดศูนย์วิดีโอคอลเซ็นเตอร์ที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ผู้ป่วย โควิด-19 ที่กักตัวเองที่บ้าน ได้ปรึกษาอาการจากแพทย์ได้โดยตรง แบ่งเบาภาระของแพทย์ในโรงพยาบาลและล่าสุดได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีผู้ป่วยหญิง 2 ราย ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน และ 8 เดือน ซึ้ติดเชื้อโควิดมาหลายวันต้องการขอความช่วยเหลือเพื่อเข้ารับการรักษา จึงเร่งนำรายชื่อเข้าแจ้ง ให้สาธารณสุขจังหวัดเข้าช่วยเหลือทั้งสองคนเป็นการด่วนโดยให้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะได้ปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก นายชัยวัฒน์กล่าวว่า เมื่อได้ทราบว่ามีหญิง 2 ราย ตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนและ 8 เดือน ได้เร่งดำเนินการประสานเข้าในระบบสาธารณสุข ในเรื่องการจัดหาเตียงและโรงพยาบาล รวมถึงแพทย์ให้เหมาะสมกับอาการของทั้ง 2 ท่าน ซึ่งถ้าจะยังไม่มีเตียงเราจะส่งแพทย์เข้าไปดูแลเบื้องต้นก่อนขณะนี้ตนเองและทีมงานอยู่ระหว่างการวางแผนดำเนินการตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์และนำแพทย์จากโรงพยาบาลเอกชน มาที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อไว้บริการประชาชน เมื่อพี่น้องประชาชนมีปัญหา อยากปรึกษาแพทย์สามารถพูดคุยผ่านแอปในโทรศัพท์ เช่น ZOOM หรือวิดีโอคอลพูดคุยกับแพทย์โดยตรง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของแพทย์และบุคลากรทางแพทย์ในโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดปทุมธานี มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น เตียงภายในโรงพยาบาลถูกใช้มากขึ้น ดังนั้นแนวทางการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และการแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) ที่กระทรวงสาธารสุขได้กำหนดไว้ หากเราเสริมบุคลากรทางการแพทย์ โดยได้แพทย์จากโรงพยาบาลเอกชนมาให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ จะได้ทำทั้ง 2 ระบบควบคู่กันไป ผมเชื่อว่าหากผู้ป่วยได้พูดคุยกับแพทย์ ก็จะได้กำลังให้ดีขึ้น รวมถึงให้พี่น้องได้อุ่นใจและวินิจฉัยโรคได้ทันท่วงทีรวมถึงการจัดส่งยาให้ผู้ป่วยที่ รักษาตัวอยู่ทางบ้านก็จะได้ทันต่ออาการป่วยที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
ชัยภูมิสายด่วนเหมือนญาติรับผู้ป่วยโควิดกลับบ้านพุ่ง ขณะพบติดเชื้อใหม่วันนี้ 52 ราย
คืบหน้า สถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในระลอกใหม่วันที่ 12 ก.ค.นี้ จำนวนรวม 52 ราย แบ่งเป็นในจังหวัด 2 ต่างจังหวัด 50 ราย กำลังรักษาจำนวน 535 รายที่รพ.สนามที่ 1 จำนวน 86 ราย ยอดสะสมรวม 952 ราย เสียชีวิตแล้วจำนวน (สะสม) 16 ราย ใกล้ทะลุ 1,000 รายแล้ว
ล่าสุดตามที่นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งการให้เปิดโครงการ “เขาคือญาติพี่น้องเราผมจะจัดรถไปรับกลับบ้าน ” สายด่วน Call Center 098-1352870 ,098-1352907 เพื่อจัดรถ EMS ปลอดเชื้อพร้อมกับเจ้าหน้าที่ไปรับผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดเสี่ยงที่ไม่มีเตียงรักษา กลับเข้ามารักษาตัวที่บ้าน หรือที่ทางจังหวัดชัยภูมิได้เตรียม รพ.สนามแห่งที่ 1 ณ สนามกีฬาชัยภูมิ ที่โรงยิมเนเซียมสิริวรรณวลี ยังไว้รองรับผู้ติดเชื้อไว้รักษาตัวจนปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ได้ส่งรถไปรับมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกวัน จึงได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ใช้เป็น พื้นที่รักษาตัวของผู้ติดเชื้อกว่า 170 เตียง ภายในโรงยิมเนเซี่ยมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติวิทยาเขตชัยภูมิ โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 อาคารเอราวัณที่ผ่านมาได้มีน้องประชาชนชาวชัยภูมิติดต่อรถมารับกลับไปรักษาตัวที่จังหวัดชัยภูมิแล้วกว่า
ตามรายงาน รพ.สนามแห่งที่ 1 รับได้ 100 เตียง รพ.สนามแห่งที่ 2 รับได้จำนวน 170-200 เตียงขณะที่ทางด้าน นายอร่ามโล่ห์วีระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยพร้อมทั้งได้ร่วมเชิญชวนพี่อน้องชาวชัยภูมิร่วม”แบ่งปันน้ำใจ โดยได้เปิดจุดรับบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับโรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วย Covid-19 และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งท่านที่จะร่วมบริจาคสามารถติดต่อได้ที่สำนักงาน อบจ.ชัยภูมิ หรือโทร 097-2755791 , 084-0921812 หรือร่วมบริจาคเงินได้ที่บัญชีโรงพยาบาลสนามจังหวัดชัยภูมิ (อบจ.ชัยภูมิ) ธนาคารกรุงไทย สาขาชัยภูมิ เลขบัญชี 307-3-17428-1 ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเราจะฝ่าวิกฤตนี้ไปพร้อมกันอีกต่อไปด้วย
พิจิตรป่วยโควิดต้อง เร่งเพิ่มเตียงขยายโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยที่มีมากขึ้น
สนง.สสจ.พิจิตร รายงานข้อมูลของวันที่ 11 ก.ค. 2564 ว่า พิจิตรมีผู้ป่วยรายใหม่ 30 ราย โดยเข้าพักรักษาตัวอยู่ใรโรงพยาบาลต่างๆของจังหวัดพิจิตร รวม 195 คน โดยแยกอยู่ในโรงพยาบาล 106 คน และอยู่ในโรงพยาบาลสนาม 89 คน ส่วนบรรยากาศของชาละวันคืนถิ่น ล่าสุดมีผู้ป่วยโควิดเป็นหญิงเป็นชาวอำเภอวังทรายพูน แต่ไปทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ที่มีผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อโควิดที่เริ่มแสดงอาการแล้วแต่หาโรงพยาบาลรักษาไม่ได้ตัดสินใจเหมารถตู้กู้ภัยในราคา 6,500 บาท ให้พาตัวเธอมาส่งที่บริเวณหน้า สนง.สาธารณสุขอำเภอเมืองพิจิตร ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองพิจิตร เพื่อขอความช่วยเหลือให้พาไปหาเตียงในโรงพยาบาลเพื่อพักรักษาตัว ซึ่งฝ่ายสาธารณสุขและฝ่ายปกครองของ อ.เมืองพิจิตร จึงได้ประสานไปยัง รพ.วังทรายพูน ซึ่งเป็นพื้นที่ภูมิลำเนาบ้านของผู้ป่วยให้มารับตัวไปรักษาตัว โดยผู้ป่วยรายนี้บอกว่าเธอยังมีลูก 2 คน และสามี รวมถึงผู้ที่พักอยู่ในบ้านเดียวกันรวมแล้ว 5 ราย ก็อาจติดเชื้อโควิด ซึ่งอาจต้องเดินทางมาขอรักษาตัวที่จังหวัดพิจิตรด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ในแต่ละวันก็ยังมีผู้ป่วยโควิดที่เรียกว่าชาละวันคืนถิ่นก็ต่างทยอยเดินทางกลับบ้านมาขอที่พักรักษาตัววันละ 10-20 คน โดย 7 วันที่ผ่านมาก็มีมากกว่า 100 คนแล้วด้วยเช่นกัน
นพ.ประทีป จันทร์สิงห์ ซึ่งเป็น ผอ.รพ.สากเหล็ก และ รพ.วังทรายพูน กล่าวว่าขณะนี้เตียงที่จะใช้บริการหรือรักษาผู้ป่วยโควิดของทั้ง 2 แห่ง เตียงเต็มหมดแล้ว แต่ด้วยหัวใจของการบริการก็จะต้องหาวิธีรับคนไข้มาดูแลรักษาให้จงได้ โดยเฉพาะที่ รพ.สากเหล็ก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กมีแพทย์ 2 คน พยาบาล 14 คน ไม่มีอาคารผู้ป่วยใน แต่ตอนนี้มีผู้ป่วยโควิดขอเข้าพักรักษาตัว 9 ราย ซึ่งตอนนี้ผู้ป่วยทั้ง 9 ราย ถูกกักบริเวณอยู่ที่บ้านเพื่อรอนำส่งตัวมาที่ รพ.สากเหล็ก ทั้งๆที่ไม่มีอาคารผู้ป่วยใน ดังนั้นวิธีแก้ไขปัญหาจึงตัดสินใจจะใช้เต็นท์ทำโรงพยาบาลสนามภายใต้งบประมาณที่น้อยนิด คือมีงบอยู่ประมาณ 5 หมื่นบาทอยากช่วยเหลือ ติดต่อ คุณจิราพร หัวหน้าการพยาบาล รพ.สากเหล็ก หรือ รพ.สากเหล็ก โทร 056-698042
ปราจีนบุรี ยอดติดเชื้อยังคงพุ่ง วันนี้ 82 ราย เป็นคลัสเตอร์ใหม่จากกลุ่มอิเลคทรอนิคส์, คลัสเตอร์หอพักลีโอ
น.พ.โชคชัย สาครพานิช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี แจ้งสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ จังหวัดปราจีนบุรี วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 82 ราย เป็นผู้ป่วยสะสมในพื้นที่ 1,252 ราย ติดเชื้อนอกพื้นที่เข้ามารักษา 100 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 1 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 3 ราย ทำให้จังหวัดปราจีนบุรีมีผู้ป่วยสะสม (ระลอกเมษายน 2564) ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 12 กรกฎาคม 2564 จำนวน 1,356 ราย ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกราย ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงได้ติดตามตรวจหาเชื้อแล้ว
ทั้งนี้ จังหวัดปราจีนบุรี ขอแจ้งประชาสัมพันธ์สถานที่เสี่ยงของผู้ติดเชื้อ เป็นคลัสเตอร์ใหม่จากกลุ่มอิเลคทรอนิคส์, คลัสเตอร์หอพักลีโอ, บริษัททีมฟรีซิซั่น, ผู้เดินทางไป-กลับพื้นที่เสี่ยง, สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วยยืนยัน, สัมผัสร่วมบ้านผู้ป่วยยืนยัน, ป่วยมีอาการ และอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
ส่วนคลัสเตอร์เก่าจากเมืองปราจีนบุรี พบครูสังกัดเทศบาลเมืองปราจีนบุรีลามติดโควิด-19 เป็นรายที่ 4 แล้ว ขณะคลัสเตอร์ตำรวจ สภ.บ้านสร้าง ได้แจ้งผ่านโซเชียลให้พี่น้องประชาชนท่านใดที่จะมาติดต่อราชการ ที่ สภ.บ้านสร้าง ขอให้ระมัดระวัง ป้องกันตนเองอย่างสูงสุด เนื่องจากมีข้าราชการตำรวจ สภ.บ้านสร้าง ติดเชื้อโควิด-19 หลายราย
โดยพบกระจายในทุกอำเภอ ดังนี้ อ.เมืองปราจีนบุรี สูงสุดจำนวน 33 ราย, อ.กบินทร์บุรี 14 ราย, อ.บ้านสร้าง 7 ราย, อ.ประจันตคามจำนวน 2 ราย ,อ.ศรีมหาโพธิ 19 ราย และนอกจังหวัด 7 ราย
ศรีสะเกษ ชาวบ้านผวายอดติดเชื้อพุ่งนิวไฮ 104 รายสะสมกว่า 1,000 ราย ผู้ป่วยล้น รพ.แล้ว
จ.ศรีสะเกษ ได้เปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเมษายน 2564 ณ วันที่ 12 ก.ค.64 ปรากฏว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นวันนี้ จำนวน 104 ราย พุ่งสูงขึ้นมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสะสม 1,064 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย รักษาหายเพิ่มวันนี้ 19 ราย รักษาอยู่ จำนวน 561 ราย
โดย อ.ศรีรัตนะ ยังคงวิกฤติมีผู้ป่วยสูงสุด 210 ราย รองลงมาคือ อ.กันทรลักษ์ 127 ราย และ อ.กันทรารมย์ 87 ราย ทำให้ประชาชนชาวศรีสะเกษพากันหวาดผวากับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่สูงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร.ร.ทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาต่างพากันประกาศหยุดเรียนต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคโควิด-19 ชาวศรีสะเกษส่วนหนึ่งได้พากันไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด ประชาชนส่วนมากพากันเก็บตัวอยู่ที่บ้านพัก ส่งผลให้บรรยากาศภายในตัว จ.ศรีสะเกษ ไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร
นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผอ.รพ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ขณะนี้ รพ.ศรีสะเกษ รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ไว้แล้ว จำนวน 73 คน โดยเป็นผู้ป่วยหนักต้องใช้ออกซิเจนรักษาตัวในห้องไอซียู จำนวน 22 ราย ทำให้เตียงผู้ป่วยที่จะรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่มีแล้ว แต่ว่ายังคงมีผู้ป่วยติดเชื้อที่จะต้องมาเข้ารับการรักษาพยาบาลอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งจะต้องจัดหา รพ.สนามเพิ่มขึ้นมาอีก โดยในส่วนของ อ.เมืองศรีสะเกษ มี รพ.สนาม จำนวน 2 แห่ง คือที่ รพ.สนามวีสมหมาย และ รพ.สนามโรงแรมพรหมพิมาน
ในส่วนของ รพ.สนามวีสมหมาย มีผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษาตัวเต็มทุกเตียงแล้ว ส่วน รพ.สนามโรงแรมพรหมพิมาน มีผู้ป่วยติดเชื้ออยู่จำนวน 45 คน แต่มีผู้ป่วยติดเชื้อจากกรุงเทพฯได้ประสานงานมาจองเพื่อที่จะเข้าพักรักษาตัวจำนวนมาก ทั้งนี้ตามนโยบายของ ผวจ.ศรีสะเกษ จะดูแลชาวศรีสะเกษทุกคนจากทุกจังหวัดที่จะกลับมาพักรักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19ที่บ้านเราให้ดีที่สุด
ประจวบคีรีขันธ์ ประกาศชวนสาวพีอาร์ตรวจ โควิด-19 ยับยั้งการแพร่เชื้อ ฟรี ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอทุกแห่ง
นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (สสจ.) กล่าวว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีเหตุการณ์การระบาดเริ่มต้นจากสาวพีอาร์ตั้งแต่การระบาดเมื่อเมษายนปีที่แล้ว และปัจจุบันมีการระบาดจากสาวพีอาร์อีก 2-3 เหตุการณ์ด้วยกัน ล่าสุดคลัสเตอร์ของสาวพีอาร์พบผู้ป่วย 16 – 17 ราย และเมื่อวานเจอเพิ่มอีก 2 ราย จึงเป็นแนวคิดในการนำกลุ่มเสี่ยงกลุ่มที่มีโอกาสในการแพร่โรคมาตรวจมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดการแพร่ระบาดกลุ่มใหม่ จึงประชาสัมพันธ์ให้สาวพีอาร์ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามารถตรวจได้ฟรีที่โรงพยาบาลประจำอำเภอทุกแห่ง ขณะนี้ที่อำเภอหัวหินมีมาตรวจแล้ว 44 ราย ผลตรวจออกมา 20 ราย พบว่าติดเชื้อโควิด 1 ราย ซึ่งจำนวนสาวพีอาร์จากการสอบถามในเครือข่าย ในโซนปราณบุรี หัวหิน ชะอำ มีจำนวน 95 คน แต่อาจมีจำนวนผู้ให้บริการในอาชีพนี้ถึง 300 คน
เมื่อตรวจแล้วพบว่าติดเชื้อ รีบให้การรักษาทันที โดยนำตัวมาที่โรงพยาบาลเพื่อลดการแพร่เชื้อสู่ประชาชน เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เสี่ยงจริง แต่หากใครตรวจมีผลเป็นลบจะฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มตามระยะเวลาที่กำหนด
ส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงในลำดับถัดมา คือ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มแม่ค้า กลุ่มให้บริการรถโดยสาธารณะ ขอให้ลงทะเบียนและให้ผู้ประกอบการส่งรายชื่อมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเพียงอำเภอหัวหินที่ส่งรายชื่อเพื่อขอฉีดวัคซีน พบว่าจำนวนผู้ลงทะเบียนของผู้ประกอบอาชีพในธุรกิจโรงแรมและกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ จำนวนกว่า 3,000 ราย บริการสปาและนวดเพื่อสุขภาพ 166 ราย ส่วนอำเภออื่นยังไม่แจ้งความประสงค์ในการฉีดวัคซีนเข้ามา
สำหรับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับการจัดสรรวัคซีนชิโนแวคจำนวน 9,000 โดส โดยมี อ.หัวหิน ได้รับจัดสรรมากสุด 5,150 โดส
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news