มวลน้ำหลากทะลักเขื่อนราษีไศลยกประตูระบายน้ำทั้ง 7 บาน พร้อมแจ้งประชาชน 5 อำเภอ ระวังระดับน้ำสูงขึ้นรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายรายงานว่า ที่เขื่อนราษีไศล ต.หนองแค อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ขณะนี้เขื่อนราษีไศลมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากว่า เขื่อนราษีไศลรองรับน้ำจากแม่น้ำมูล ลำห้วยทับทัน และลำเสียวใหญ่ ที่ไหลมาจาก จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำไหลเข้า จำนวน 614.45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยในวันนี้เขื่อนราษีไศลมีปริมาณน้ำเก็บกัก จำนวน 63.51 ล้านลูกบาศก์เมตร ระดับน้ำอยู่ที่ +118.06 ม.รทก. ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อน +116.48 ม.รทก. ปริมาณน้ำไหลออก 624.10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นายภานรินทร์ ภาณุพินทุ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง สำนักงานชลประทานที่ 8 เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ทำการเปิดประตูระบายน้ำของเขื่อนราษีไศลทั้ง 7 บาน ระยะยกบานที่ระดับ 1.50 เมตร ทั้งนี้เนื่องจากว่า เขื่อนราษีไศลยังอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนได้อยู่ จึงยังไม่ต้องแขวนประตูระบายน้ำทั้ง 7 บาน เพราะเกรงว่า จะทำให้น้ำไหลไปรวมอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี จะทำให้น้ำท่วม จ.อุลลราชธานีสูงมากกว่าเดิม พร้อมทั้งได้ติดธงเหลืองที่เขื่อนราษีไศลและสะพานข้ามแม่น้ำทางเข้าตัว อ.ราษีไศล เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำทางสื่อทุกแขนงอย่างใกล้ชิดและได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนว่า ระดับน้ำในลำมูลท้ายเขื่อนราษีไศลจะมีระดับน้ำสูงขึ้นตามเส้นทาง 2 ริมฝั่งแม่น้ำมูล ประกอบด้วย อ.ราษีไศล อ.ยางชุมน้อย อ.อุทุมพรพิสัย อ.เมืองศรีสะเกษ และ อ.กันทรารมย์ จึงแจ้งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตาม 2 ฝั่งแม่น้ำมูลได้ทราบและนำสิ่งของสัตว์เลี้ยงไปอยู่บนที่สูงเพื่อความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการที่พายุเตี้ยนหมู่ ได้พัดปกคลุมเข้ามาในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันติดต่อกันนี้ ได้ทำให้มีน้ำท่วมถนนหนทางบ้านเรือน และน้ำได้ท่วมพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 10,000 ไร่ ทั้ง 22 อำเภอของ จ.ศรีสะเกษ ซึ่ง นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ นายบุญประสงค์ นวลสายย์ หน.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ นายอำเภอทุกอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถูกน้ำท่วม ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news