ขอนแก่น ปักธงแดงจุดวัดน้ำชีในพื้นที่ อ.มัญจาคีรี หลังน้ำชีกัดเซาะถนนเสียหาย 1 ช่องทาง
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น หลังพบว่าระดับน้ำในแม่น้ำชียังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่บริเวณ สะพานข้ามแม่น้ำชี ที่ บ้านโจด ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปักธงสีแดง แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ที่สูงขึ้น เพื่อให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ และทำการขนย้ายสิ่งของขึ้นอยู่ในพื้นที่สูง ขณะที่ถนนเส้นทางเข้าบ้านชีวังแคน มีน้ำท่วมในหลายจุด ขณะที่ถนนภายในหมู่บ้านถูกน้ำชีกัดเซาะใต้ดิน จนเป็นโพรง ชาวบ้าน ต้องนำเชือกมากั้นถนนห้ามสัญจรไป-มาในจุดดังกล่าว และเตือนให้ระวังถนนที่อาจจะพังทลายลงมา
น.ส.กุสุมา ปัญญามหาสุริยา อายุ 38 ปี ชาวบ้านชีวังแคน ม.13 กล่าวว่า ตั้งแต่ระดับน้ำในแม่น้ำชีสูงขึ้น น้ำได้เริ่มกัดเซาะตลิ่ง และกัดเซาะดินใต้ท้องถนนที่อยู่ติดแม่น้ำชี ขณะที่มวลน้ำจาก จ.ชัยภูมิ ได้ไหลมารวมกับน้ำในแม่น้ำชี ซึ่งยิ่งทำให้น้ำหนุนสูงและไหลแรงกว่านี้ ดังนั้นในจุดที่ถนนที่ชาวบ้านนำเชือกมากั้นนั้นเชื่อว่าไม่นานถนนคงทรุดลงอย่างแน่นอน
ขณะที่นางทอง นามมนตรี อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163 ม.13 กล่าวว่า ครอบครัวได้ร่วมกันกรอกทรายใส่กระสอบปุ๋ยเพื่อทำแนวกั้นน้ำ ไม่ให้น้ำไหลเข้าไปภายในบ้านเรือนและร้านค้า โดยขณะนี้รับน้ำจากบึงกุดเค้า โดยน้ำได้ไหลเข้าบ้านและเพิ่มปริมาณสูงขึ้น ไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือหรือมาสอบถาม จึงตัดสินใจซื้อทรายจำนวน 2 คิว กระสอบปุ๋ยจำนวน 40 ใบ มากรอกทราย ทำแนวกั้นน้ำ ไม่ให้ไหลเข้าไปในบ้าน เพราะเมื่อไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ ก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ในส่วนน้ำชีนั้นก็ขึ้นสูงเช่นกัน หากน้ำทั้ง 2 แห่งมาจรดกันก็จะทำให้ท่วมอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับที่วัดป่าสวรรค์คงคาราม บ้านชีวังแคน ม.13 ซึ่งพบว่าน้ำได้เอ่อท่วมที่บริเวณด้านทิศเหนือของวัด ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของกุฏิพระ และสวนป่าที่ปลูกต้นสักเอาไว้ โดยน้ำได้ไหลเอ่อท่วมและเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พระศุบุญเลี้ยง ฐิตญาโณ เจ้าอาวาสวัดฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงช่วงเย็นได้มีน้ำเอ่อท่วมทิศเหนือของวัด จึง ให้พระลูกวัดย้ายออกมา เพราะเกรงจะมีอันตรายเนื่องจากเมื่อน้ำมา
น้ำท่วมขอนแก่น สูงขึ้นต่อเนื่องผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกไปได้
ที่บ้านมูลตุ่น ม.3 ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่รับน้ำจากเทือกเขาภูเม็ง เอ่อท่วมบ้านเรือนของประชาชนและพื้นที่การเกษตร ในหมู่บ้านอย่างมาก และระดับน้ำไม่มีท่าทีที่จะลดระดับลง โดยหมู่บ้านถูกน้ำท่วมเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มต้นทาง มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมบางส่วน แต่จุดกลางของหมู่บ้านนั้นน้ำไม่ท่วม แต่จะไปท่วมช่วงท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นจุดทางน้ำไหลจากคำปากดาว ลงบึงกุดเค้า โดยในช่วงที่ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมนั้นพบว่าที่บ้านเลขที่ 90 ม.2 บ้านมูลตุ่น ทีมข่าวพบนายผง เชื้อสวนมอน อายุ 95 ปี ผู้ป่วยติดเตียงพักอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านไม้ยกพื้นสูงประมาณ 3 เมตร ที่มีสภาพผุพัง
นางหนูพร กองค้า อายุ 51 ปี กล่าวว่า นายผง อายุมากขึ้นก็ตาบอด ขาอ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เมื่อโควิด-19 ระบาด แพทย์จึงไม่ให้พาไปโรงพยาบาล มีเพียงให้ญาติไปรับยามาให้กินที่บ้านเท่านั้น เมื่อน้ำท่วม น้ำซัดใต้ถุนบ้าน โชคดีที่บ้านไม่พัง
เช่นเดียวกันกับที่บ้านเลขที่ 72 บ้านมูลตุ่น ม.2 พบนายรักษ์ แก่นประดับ อายุ 84 ปี ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ซีกขวา ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ที่จมอยู่ในโคลน ซึ่งนายรักษ์พยายามสื่อสารกับสื่อมวลชน ให้ช่วยเหลือออกจากจุดดังกล่าว เพราะเป็นหลังคามุงสังกะสี ฝนตกน้ำรั่ว และฝุ่นละออง พื้นซึ่งเป็นดินและเมื่อถูกน้ำท่วมก็กลายเป็นโคลนเหนียว
นางสมประสงค์ คุ้มมุ่งค้า อายุ 47 ปี กล่าวว่า นายรักษ์เป็นน้าชายคนเดียว โดยลูกๆของน้า ทำงานอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเมื่อ2 เดือนที่ผ่านมาน้าชายล้มป่วย กลายเป็นอัมพฤกษ์ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตนเองจึงเป็นคนดูแล คอยให้อาหารอ่อนทางสายยาง หาเงินซื้อแพมเพิร์สมาใส่ให้ แต่เมื่อน้ำท่วมหมู่บ้าน และท่วมจุดที่น้าชายพักรักษาตัวอยู่ ก็ไม่สามารถพาน้าชายออกมาได้ก็ต้องปล่อยให้นอนบนเตียง เพราะไม่มีคนมาช่วย จึงอยากขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ส่งกำลังมาตรวจสอบที่ บ.มูลตุ่น เป็นการเร่งด่วนเนื่องจากระดับน้ำยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีที่จะลดระดับลง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news