อ.หนองแค วิกฤตหนัก น้ำยังคงท่วมสูงอย่างต่อเนื่อง ปิดเส้นทางเข้า-ออกหมู่บ้าน ภาครัฐ ภาคเอกชนเข้าช่วยเหลือปชช.ไม่ขาดสาย
สถานการณ์น้ำท่วมบ้านหนองแค ต.ม่วงลาด อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เกิดวิกฤติหนัก หลังมวลน้ำชีไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ตั้งแต่ช่วงวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ยังคงท่วมสูงขึ้นต่อเนื่องทุกวัน ปิดเส้นทาง เข้า-ออก หมู่บ้าน เป็นลักษณะเกาะกลางน้ำ ซึ่งถือว่า ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเกิดน้ำท่วมทุกปี เพราะอยู่ใกล้ริมแม่น้ำชี แต่ในปีนี้น้ำมาเร็วและแรง ประชาชนจึงเตรียมตัวไม่ทัน พร้อมยังกังวลว่ามวลน้ำก้อนใหญ่นี้ยังเพิ่มสูงขึ้น และเกรงว่าจะมีพายุฝนเข้ามาซ้ำเติมอีกจนเข้าท่วมบ้านเรือน ที่มีประมาณ 30 หลังคาเรือน
พร้อมกันนี้ ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงออกมาสังเกตปริมาณน้ำที่บริเวณฝายชะลอน้ำคลองโขงชีมูล กังวลว่าหากน้ำเอ่อล้นคันกั้นน้ำชั่วคราวแตกอีก ก็จะเข้าท่วมทุ่งนาข้าวที่กำลังออกรวงสวยงามได้รับความเสียหาย พร้อมยังชื่นชมที่หน่วยงานในพื้นที่มีการสร้างฝายชะลอน้ำ ตั้งแต่ปี 2562 ที่สามารถช่วยลดผลกระทบของประชาชนได้เยอะมาก นอกจากนี้ ยังมาการตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำเข้าคลองส่งน้ำชลประทาน ที่จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
สำหรับการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ได้มีทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในจังหวัดต่างๆ นำถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารสด น้ำดื่ม และของใช้ที่จำเป็นมามอบให้ชาวบ้านหนองแค อย่างไม่ขาดสาย พร้อมยังได้เรือยนต์ท้องแบนมาสนับสนุนการเข้า-ออกหมู่บ้านหลายลำ เนื่องจากกระแสน้ำค่อยข้างแรงอาจเกิดอันตรายได้ ส่วนรถยนต์ ส่วนใหญ่ชาวบ้านได้นำมาจอดไว้ที่ริมทางซึ่งเป็นพื้นที่สูง
ทางด้านขอนแก่นยัง จับตามวลน้ำหนุนจากชัยภูมิและเลย หลัง “คมปาชุ” พัดถล่มพื้นที่ต่อเนื่อง พร้อมปรับการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ทันที
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ ที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำจาก จ.ชัยภูมิ ,เพชรบูรณ์,หนองบัวลำภู และ จ.เลย ที่ขณะนี้ปริมาณน้ำฝนลงสู่ความจุอ่างอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยที่มวลน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่ลุ่มน้ำพรม-เชิญ และแม่น้ำพองตอนบนและไหลสู่เขื่อนอุบลรัตน์ตามลำดับ ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมานั้นเขื่อนอุบลรัตน์ มีมวลน้ำไหลเข้าพื้นที่ถึง 43 ล้าน ลบ.ม. และหากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องอย่างนี้ ก็อาจที่จะเป็นไปได้ว่าในช่วง 1-2 วันนี้ มวลน้ำน่าจะไหลลงสู่ความจุอ่างจากเส้นทางน้ำต่างๆมากถึงวันละกว่า 100 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งหากระดับน้ำไหลลงสู่ความจุอ่างในปริมาณที่มากเช่นนี้ไม่น่าจะเกิน 2 วันระดับน้ำจะเต็มความจุอ่างอย่างแน่นอน ดังนั้นการเร่งระบายน้ำแบบขั้นบันได ตามที่ กฟผ.เสนอมา จะสามารถที่จะระบายน้ำจากเขื่อนฯลงสู่แม่น้ำพองและไหลลงสู่แม่น้ำชีตามเส้นทางของการระบายน้ำที่กำหนดไว้
“ระดับน้ำในแม่น้ำชีลดลงวันละ 10 ซม. จากการวัดระดับน้ำที่สถานีวัดระดับน้ำที่ บ.กุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง และ ที่ สถานีวัดระดับน้ำที่ อ.มัญจาคีรี ที่ลดลงทุกวัน เนื่องจากมวลน้ำก้อนใหญ่ของแม่น้ำชีได้ไหลเข้าสู่ จ.ร้อยเอ็ดแล้ว ซึ่งเมื่อตรวจสอบเส้นทางน้ำตามการบริหารจัดการจากนี้ไปอีก 3 วัน ระดับน้ำของแม่น้ำชีจะลดลง 30 ซม. ซึ่งจะสอดคล้องกับน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนอุบลรัตน์ ที่มาตามแม่น้ำพอง ที่จะบรรจบกับแม่น้ำชี ที่ เขต ต.พระลับ และ ต.บึงเนียม ก่อนที่จะเข้าเขต จ.มหาสารคาม ตามเส้นทางน้ำ แต่มีตัวแปรคือปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในระยะนี้ ดังนั้นทางจังหวัดได้แจ้งเตือนพื้นที่อำเภอที่ติดกับ จ.ชัยภูมิ,หนองบัวลำภู,เลย และ จ.เพชรบูรณ์ คือ อ.ภูผาม่าน,ชุมแพ,สีชมพู.ภูเวียง และ อ.หนองนาคำ ที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากจากมวลน้ำที่เกิดจากพายุในระยะนี้อย่างต่อเนื่อง”
ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้เขื่อนจุฬาภรณ์ มีระดับน้ำเก็บกักอยู่ที่ประมาณ 99% ซึ่งได้มีการประสานแผนการรับมือหากเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิจะต้องมีการปรับการระบายน้ำที่เพิ่มขึ้นในระยะนี้
ทางด้านโคราช ผู้ว่านั่งเรือมอบถุงยังชีพ สำรวจพื้นที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำติดลำน้ำของอำเภอพิมาย
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดนครราชสีมา ,นายชูศักดิ์ ชุนเกาะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ,เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดฯ ,คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บ้านวังกุ่ม หมู่ 14 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังระบายช้า พร้อมกับมอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม จำนวน 37 ชุด โดยมีนายเศรษฐี แพรกนัทที ปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอพิมาย และตัวแทนส่วนราชการในพื้นที่ รายงานสถานการณ์น้ำ
โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า อ.พิมาย ยังมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังอยู่หลายจุด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดกับลำน้ำมูลกับลำน้ำจักราช อย่างเช่นที่บ้านวังกุ่ม หมู่ 14 ต.ในเมือง อ.พิมาย ซึ่งเป็นพื้นที่แรกที่ถูกน้ำท่วม เพราะเป็นที่ลุ่มต่ำอยู่ติดกับลำจักราช จะถูกน้ำท่วมทุกปีและปีนี้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว อยู่ที่ 50-60 เซนติเมตร ซึ่งจากการได้นั่งเรือมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม และได้สำรวจสภาพพื้นที่จริง จึงมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบ้านวังกุ่ม ด้วยการสร้างพนังกั้นน้ำ เป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อกั้นน้ำจากลำจักราช ไม่ให้เอ่อเข้าท่วมหมู่บ้าน และจะต้องมีเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบน้ำที่เอ่อท่วมในหมู่บ้าน ไปลงลำจักราชและลงลำน้ำมูลต่อไป ซึ่งคิดว่า ถ้ามีการก่อสร้างพนังกั้นน้ำเสร็จ ก็จะสามารถป้องกันน้ำท่วมในจุดนี้ได้สำเร็จ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news